X

เรื่องของมานะ

         การเปิดเป็นบุตรของคนเป็นเรื้อนไม่ใช่ต้นทุนชีวิตที่ดีนัก ต้องหลบเร้นกายจากสังคมแบบที่พ่อแม่ต้อง ทำมาตลอดชีวิต เพราะเรื้อนทำลายความสวยงาม และความแข็งแรงทางกายจนทำงานไม่ได้ ทั้งยังทำลายกำลังใจในการเป็นมนุษย์จนอยู่ไม่ได้ เป็นสิ่งที่ “มานะ” เห็นชินตา จนเป็นธรรมดาของชุมชนที่เรียกกันว่า นิคมโรคเรื้อน ไปเสียแล้ว สำหรับมานะ การสู้กับเรื้อน ไม่เพียงแต่การป้องกันตนเองให้พ้นการติดเชื้อโรคจากพ่อแม่หรือการเอาตัวรอดจากอันตรายต่างๆ ที่คุกคามเท่านั้น การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และหนักหนากว่าคือ การต่อสู้กับทัศนคติทางสังคมที่ผู้คนส่วนใหญ่ตัดสินและจงใจรังเกียจผู้ป่วยและครอบครัวต่างหาก คือการศึกที่มานะไม่เคยเห็นเลยว่า ชัยชนะของศึกที่ยาวนานครั้งนี้จะอยู่ตรงไหนของจักรวาล

    แต่ความเชื่อบางอย่างที่มาพร้อมกับพลังบนพื้นดิน สายน้ำ และในสายลมที่มานะสัมผัสได้บนแผ่นดินของพระราชากว่าพันไร่ที่โอบอุ้มคุ้มครองและปกป้องนิกรชนผู้ต้อยต่ำของพระองค์มากว่า 60 ปี พลังและความเชื่อนี้ ยืนยันกับมานะว่า ชีวิตภายใต้ร่มพระบารมีจะไม่มีวันตกต่ำ และไม่สิ้นหวังเป็นแน่ นิ้วกุดสั้นของพ่อยังหว่านข้าวได้ และต้นข้าวที่หว่านผ่านนิ้วคนเป็นเรื้อนก็ยังสูงอวบเสมอด้วยต้นข้าวที่หว่านจากคนที่มีนิ้วเรียวยาวสมบูรณ์แบบ แปลงผักที่พ่อปลูกด้วยนิ้วกุดนั้น  ก็งามชอุ่มไม่ผิดจากแปลงของคนแขนขาดีเลย นี่คือเครื่อง   ยืนยันว่า พลังชีวิตภายใต้พระบารมีนั้นมีจริง และจะหล่อเลี้ยงทุกๆ ครอบครัวให้ร่มเย็นไปได้ต่อไป

   ทุกเดือน ถุงข้าว ของใช้ และเงินเดือนพระราชทานจะมาถึงพ่อ บางครั้งของพิเศษต่างๆ ที่เด็กๆ รอคอย เช่น ขนม ของเล่น สมุด ดินสอ ก็มีมาถึงให้ดีใจ ในวโรกาสพิเศษของพระองค์ เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นต้น แทบจะเรียกได้ว่า ภายใต้พระมหากรุณาธิคุณนี้ พระเจ้าอยู่หัวทรง “เลี้ยง”ผู้ป่วยโรคเรื้อน และครอบครัวอย่างแท้จริง “เลี้ยง” ตั้งแต่ป่วย จนตาย ไม่เคยทรงทอดทิ้งเลย แม้กระทั่งเรื่องการศึกษาของบุตรผู้ป่วยก็มิทรงละเลยกลับทรงใส่พระทัยเป็นพิเศษ เพราะทรงเชื่อว่า เด็กๆ ที่จะโตมาจะเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ที่ป่วยและพิการได้ และการศึกษาจะช่วยสร้างโอกาสในสังคมให้ทายาทรุ่นถัดไปกลับมายืนในสังคมได้อย่างสง่า ไม่อายใคร

     มานะเข้าโรงเรียนพิเศษที่ถูกจัดให้สำหรับบุตรหลานผู้ป่วยโรคเรื้อนเท่านั้น โรงเรียนนี้จึงพิเศษไม่เหมือนใคร สำหรับมานะ การเป็นนักเรียนโรงเรียนพระราชทานเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด สิ่งของที่เด็กนักเรียนใช้ก็ส่งตรงมาจากในวัง มานะออกจะปลื้มและเท่ห์อยู่ไม่น้อย  หากแต่ว่า  มานะจะไม่ออกนอกพื้นที่นิคมไปพบโลกภายนอกเลย เพราะโลกภายนอกนิคม แววตาของผู้คนที่มองชื่อโรงเรียนบนอกเสื้อ บาดใจนัก ยิ่งถ้าเขารู้ว่าเรียนโรงเรียนของนิคม ประโยคที่เขาจะถามตามมาคือ“พ่อแม่เป็นโรคเรื้อนหรือ?” แล้วตามด้วย ”ติดเชื้อหรือเปล่า?” ลมปากเบาๆ แต่กลับสร้างความร้อนจนทนฟังไม่ได้ ต่างจากลมแรงกลางทุ่งนาในนิคม กระแสลมแรงนักแต่ก็เย็นฉ่ำใจ มานะกลัวลมปากและสายตาคนนอกนิคม พ่อกับแม่ยิ่งแล้วใหญ่  ไม่เคยออกจากนิคมเลย

       โรงเรียนของนิคมมีเพียงชั้น ป.6 หลังเรียนจบ แม่ย้ายมาอยู่นิคมโนนสมบูรณ์ และมีพ่อใหม่ ซึ่งก็ยังคงเป็นคนที่ในหลวงทรง ”เลี้ยง” เช่นเดิม มือของพ่อใหม่หายไปทั้งมือ แต่แรงใจไม่หายไปด้วย ที่นิคมโนนสมบูรณ์แห่งนี้ คือที่ที่มานะได้เรียนรู้ยุทธวิธีในการต่อกรกับเรื้อนในแบบที่ต่างออกไป มานะเรียกกลยุทธ์นี้ว่า ”กลยุทธ์พรางชมพู”    มานะพรางความเป็นบุตรชายแห่งตระกูลของผู้ป่วยโรคเรื้อนไว้ในโลกสีชมพูใบเล็กๆ ที่มีชื่อว่า        โรงพยาบาลโนนสมบูรณ์ การได้ทำงานในโรงพยาบาลช่วยให้ความกลัวที่เป็นบุตรของผู้ป่วยโรคเรื้อนจะถูก รังเกียจ กีดกัน ค่อยๆ จางลงไป แต่มานะก็ยังสัมผัสชัยชนะไม่ได้อยู่ดี

     การทำงานในโรงพยาบาลครั้งแรกนั้น  มานะได้ตำแหน่งผู้บริหารความสูงสุดของโรงพยาบาลด้านความปลอดภัย  มานะต้องรักษาให้โรงพยาบาลปลอดภัยทั้งกลางวันและกลางคืน บางคืนที่ต้องการความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ เช่นคืนเทศกาล คืนนั้นมานะแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเลยก็มี แต่นี่คือความภาคภูมิใจที่มานะจะพึงทำได้ ให้ความปลอดภัย และการปกป้องแก่ผู้ป่วยที่อ่อนแอ  มานะทำงานจนได้รับความเชื่อใจและได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารสิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาล   มานะบริหารจัดการต้นไม้  ใบหญ้า  และทิวทัศน์รอบ     โรงพยาบาลให้สวยสะอาดตา สองมือขุดดัด ตัดแต่งต้นไม้นานาพรรณอย่างไม่เกียจคร้าน มานะทำงานหนักเป็นสองเท่า เพราะทำเผื่อพ่อที่ทำไม่ได้ด้วย มานะไม่เคยฝันอะไรไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ทายาทของผู้ป่วยต้องเจียมตัวและอ่อนน้อม

       แต่แล้วเส้นทางที่จักรวาลลิขิตก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า แบบไม่ได้ถามหา หัวหน้าช่างกายอุปกรณ์ถามมานะเรื่องการไปเรียนตัดรองเท้าและทำขาเทียมให้ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้พิการ มานะตอบรับ ตอนนั้นในใจก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงตอบไป ทั้งที่ต้องจากบ้านไปเรียนไกลถึงจังหวัดเชียงใหม่ และการเรียนก็ยากมากด้วย แต่มานะไม่ย่อท้อ มีมานะสมชื่อ หลายเดือนผ่านไป มานะกลับสู่นิคมและเส้นทางพรางชมพูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หรูกว่าเดิม มานะเป็นผู้บริหารด้านการผลิตกายอุปกรณ์ งานรองเท้า ขาเทียม และรถเข็น คืองานที่มานะบริหารด้วยความสุข รอยยิ้มของผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รองเท้าใหม่ ช่างอ่อนหวาน เสียงเครื่องดูดสุญญากาศเวลาขึ้นรูปขาเทียมดังกระหึ่ม แต่ก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะอย่างสุขใจของคนได้ขาใหม่ที่กระหึ่มกว่า  ชีวิตของมานะเป็นสีชมพูเข้มขึ้น ทัศนคติและการรังเกียจที่เคยบาดหัวใจเริ่มไร้คมลงมากแล้ว

       จนกระทั่งวันหนึ่งที่การรบได้ดำเนินมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง หมอที่ย้ายมาใหม่ เอาของเล่นพลาสติกที่พิมพ์เป็นรูปมือร้อยเอ็นให้ขยับไปมาได้มาอวดที่แผนก  แล้วบรรยายสรรพคุณว่า  นี่คือวิทยาการใหม่ของการสร้างกายอุปกรณ์ มันคือมือเทียมจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ มานะถูกโชคชะตาและลมปากของหมอโยกคลอนชีวิตอีกครั้ง ตอนที่หมอเลี้ยงข้าวมานะแล้วเอาคืนโดยการเอาชิ้นพลาสติกและม้วนเชือกมาวางไว้ตรงหน้า แล้วบอกให้ “ทำมือ” ให้หมอด้วย มานะไม่กล้าคัดค้านนอกจากตอบรับ

        ขณะที่พลิกชิ้นพลาสติกตะปุ่มตะป่ำที่มีรูปร่างเหมือนนิ้วหุ่นยนต์ไปมา แล้วถามตัวเองว่าจะทำได้อย่างไร ภาพมือของพ่อที่ไม่มีนิ้วปรากฏอยู่ตรงหน้า “ถ้านี่คือนิ้วของพ่อ..เราจะทำให้นิ้วขยับได้อย่างไร?” มานะรำพึงในใจ ก่อนภาพการเรียงตัวของนิ้วมือจะฉายขึ้นในจิต ทีละชิ้นๆ จนครบเป็นมืออันใหม่ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง จนหมอประหลาดใจ “เก่งมาก ทำเร็วมาก” หมอบอก แต่นิ้วกลับไม่กำ และไม่ดีดกลับ เหมือนตัวอย่างที่หมอเอามาให้ดู มานะถามว่า ทำไมมือของเขาขยับไม่ได้ หมอบอกว่าความลับอยู่ที่เส้นใยสองอย่างที่ต่างกัน  อันหนึ่งเหนียว  อันหนึ่งยืดหยุ่น  อยู่คนละด้านของนิ้วนั่นไงที่ทำให้มือเทียมขยับได้  มานะพอใจและสนุกกับการเรียนรู้กลไกมือเทียมอย่างตื่นตาทุกวัน หมอเอางานชิ้นใหม่และใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ มาให้ มานะทำได้ทุกชิ้น  ไม่ใช่เพราะตัวอย่างวิดีโอภาษาอังกฤษที่หมอเปิดให้ดู  แต่เพราะมานะมีภาพมือและแขนของพ่อที่จับจอบเสียม ผลาญไถ และกลุ่มแหออกไปทำนาและหาปลาต่างหาก ที่ฉายชัดอยู่กลางใจ  เคลื่อนไหวและนำให้ถักร้อยเอ็นไขว้ไปมาจนแขนเทียม มือเทียมขยับได้

 

        หลายวันมานี้ มีเด็กแขนกุดแต่กำเนิดเข้ามาที่แผนกหลายคน เพื่อขอให้พิมพ์แขนเทียมให้ แขนเทียมอันแรกพิมพ์เสร็จแต่ขยับไม่ได้  เพราะเอ็นร้อยผิดทาง  ก็แขนของอีกพ่อนั่นแหละที่นำทางให้มานะแก้ไขและร้อยเอ็นจนแขนขยับได้ เด็กชายที่ได้แขนเทียมไป ยิ้มเขินอาย ดีใจที่มีแขนใหม่ไปขี่จักรยานได้ แวบหนึ่ง มานะเห็นพ่อยิ้ม พ่อคงดีใจ ที่ภาพแขนพ่อในใจมานะช่วยให้ลูกชายอีกบ้านหนึ่งกลับมามีแขนไว้หยิบจับได้เป็นครั้งแรกในชีวิต  มานะเห็นโลกเป็นสีชมพูทั้งใบเหมือนสีแก้มเด็กชาย

       วันนี้หมอเอาแขนเทียมที่พิมพ์ใหม่มาให้สองแขน แล้วว่าถ้าเสร็จพร้อมกันจะดีมาก เด็กทั้งคู่จะได้มาลองสวม และได้แขนใหม่ สองคนในวันเดียวกัน ภาพพ่อยิ้มกว้างเป็นสองเท่าผุดขึ้นในใจ มานะมุ่งทำงานจนไม่ได้พัก เย็นแล้วเด็กชายตัวเล็กมาถึงก่อนเด็กชายตัวใหญ่ ทั้งคู่แววตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นแขนสีสดๆของแขน พลาสติกสวยเตะตา เด็กอดทนกับการแก้ไขให้แขนเทียมพอดีกับร่างกายตน โดยไม่บ่น จนกระทั่งได้ทดสอบการหยิบจับสิ่งของ ภาพเด็กทั้งคู่แข่งกับหยิบแท่งไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยหย่อนลงตะกร้า หวนให้นึกถึงภาพพ่อเอาเชือกรัดช้อนไว้กับมือส่วนที่เหลือ  แล้วตักข้าวคำเล็กคำน้อยให้เข้าปาก  มานะสะอื้นในใจไม่กล้าให้เสียงดังออกมา หมอสั่งให้เด็กโยนผ้าไปมาหากัน เพื่อทดสอบกำลังแขนเทียม เด็กๆ สนุกที่แขนเทียมจับและโยนของได้ มานะเห็นพ่อใช้มือกุดๆ ประคองแหอย่างลำบาก แล้วเหวี่ยงไปกลางลำน้ำใหญ่ พ่อจับได้ปลา พ่อดีใจยิ้มร่าออกมา

        มานะมองเห็นภาพตนเหวี่ยงแหปากใหญ่จนคลุมเต็มท้องน้ำ มานะจับได้โอกาสมาเต็มแห โอกาสที่ไม่ป่วย โอกาสที่ได้เรียน โอกาสที่ได้งานในโรงพยาบาล โอกาสที่ได้เป็นช่างกายอุปกรณ์ โอกาสที่ได้คืนมือแขนและขาให้กับคนที่ไม่มี ให้ได้คว้า จับโอกาสดีในชีวิตเขา ประเดี๋ยวนั้นมานะมองเห็นชัยชนะของบุตรชายแห่งตระกูลโรคเรื้อน ชัยชนะที่มีเหนือความสิ้นหวังจากการป่วยและพิการ ชัยชนะที่มีเหนือทัศนคติและการดูแคลน ชัยชนะที่มีเหนือชาติกำเนิดและถิ่นที่มา มานะรู้แล้วว่าวันนี้เขาชนะอะไร  เขาชนะความสิ้นหวังว่า ทายาทโรคเรื้อนจะมีชีวิตที่ดีไม่ได้ และไม่มีโอกาสในสังคม มานะเปี่ยมด้วยความหวัง และเขาคือขุมพลังแห่งโอกาส เชือกร้อยชิ้นพลาสติกเข้าด้วยกันนั้นต่างหากที่ทำให้มือเทียมขยับได้ หากเส้นเชือกคือพลังที่ซ่อนเร้นไว้ภายใน วันนี้มานะค้นพบพลังนั้นแล้ว  พลังที่จะทำให้มือของพ่อได้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง  สงกรานต์นี้มานะจะกลับบ้าน พร้อมมือเทียมสีสดที่ตั้งใจพิมพ์ออกแบบพิมพ์และร้อยกลไกด้วยมือตนเอง  พ่อจะได้กอดลูกชายด้วยสองมืออีกครั้ง

อ่านเพิ่มเติม     มือเทียม 3 มิติ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of Pariyasoot

Pariyasoot

พญ.ปริยสุทธิ์ อินทสุวรรณ โรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น