สงขลา – นายก ทต.ปาดัง นำร่องปลูกผักหวานบ้านปลอดสารพิษ แซมในสวนยางพาราเนื้อที่กว่า 5ไร่ พบราคาไปได้ดี เป็นที่ต้องการของตลาด และกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพ อนาคตอาจโค่นต้นยางปลูกเพิ่ม สนองนโยบายรัฐฯที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกยางพารา
28 มิถุนายน 2561 นายอรัญ สุวรรณรักษา นายกเทศมนตรีตำบลปาดัง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา บอกว่าหลังจากที่ราคายางพารา ไม่มีทีท่าจะกระเตื้องขึ้นไปในทิศทางที่ดี ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั่ว ทำให้ต้องพยายามหาทางออก และมองหาพืชเศรษฐกิจอื่นๆมาปลูกเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว
ซึ่งมองว่าผักหวานบ้าน เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่น่าปลูก เพราะเป็นพืชผักแบบบ้านๆดูแลรักษาง่าย โดยสังเกตจากต้นผักหวานที่ปลูกใส่กระถางอยู่ข้างบ้านพัก ที่ออกยอดตลอดปี และมีอายุยาวนานเกือบ 20 ปีแล้ว จึงลงมือปลูกเป็นการทดลองนำร่อง โดยปลูกในสวนยางพาราของแม่ โค่นต้นยางขนาดอายุประมาณ 3 ปีแถวเว้นแถว ปรับพื้นที่จำนวน 5 ไร่เพื่อปลูก นำต้นกล้าผักหวานที่ปักชำใส่ถุงอายุประมาณ 1 เดือน มาปลูกระยะห่าง 50 x 80 ซม. 1 ไร่จะปลูกได้ 6,000 – 8,000 ต้น หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน ก็สามารถเก็บยอดผักหวานขายได้
การดูแลไม่มีอะไรยุ่งยากเพียงรดน้ำวันละครั้งในหน้าแล้ง ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ พ่นน้ำหมัก เพียงเท่านี้ผักหวานก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้นานเป็น 10 ปี ในส่วนของตลาดราคาผักหวานยังมีราคาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งในขณะนี้มีลูกค้าประจำอยู่ที่ มอ.หาดใหญ่ อาทิตย์ละ 100 -200 กิโลกรัม ราคาขายหากเป็นยอดอย่างเดียวกิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนที่ตัดเป็นก้านยาวๆกิโลกรัมละ 40 บาท รายได้ในตอนนี้เฉลี่ยกว่า 1 หมื่นบาทต่อเดือน กลุ่มลูกค้ามักจะเป็นผู้ที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพ เพราะผักหวานเป็นผักปลอดสารพิษ ทุกขั้นตอนไม่ใช้สารเคมี สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายเมนู และในขณะนี้กำลังติดต่อเพื่อขายให้กับห้างใหญ่อย่างเทสโก้ โลตัส ขั้นตอนอยู่ระหว่างการขอใบรับรองมาตรฐานผักปลอดสาร ( GAP )
ข่าวน่าสนใจ:
อนาคตอาจจะโค่นต้นยางพาราซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่แล้วมาปลูกผักหวานแทน สนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกสวนยางพาราก็เป็นได้ ซี่งในขณะนี้ได้ชักชวนให้ชาวบ้านและเพื่อนๆปลูกผักหวานแล้ว 4 -5 ราย สำหรับตนเองนอกจากจะปลูกผักหวานแล้ว ยังได้ปักชำกิ่งผักหวานใส่ถุงขาย อายุ 1 เดือนพร้อมปลูก ถุงละ 15 บาท มีรายได้ร่วมแสนบาทแล้วในระยะเวลาไม่นานมาก ถือว่าเป็นรายได้และเป็นโอกาสที่ดี อยากส่งเสริมให้ผู้ที่สนใจลองปลูกเชื่อว่าอนาคตยังไปได้แน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: