สงขลา – สะเดา เจ้าหน้าที่ไทยรับมอบตัวนายมูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ ผู้ต้องหาตามหมายจับของสถานีตำรวจภูธรสะเดา ฐานมีเอี่ยวแรงงานโรฮินจา – พม่า และสถานีตำรวจภูธรนาทวี รวม 4 หมาย หลังหลบหนีไปกบดานในประเทศมาเลเซีย และถูกตำรวจสากลจับได้ ก่อนถูกดำเนินคดีจำคุุก 2 เดือนฐานหลบหนีเข้าเมือง หลังจากสิ้นสุดคดีถูกทางการมาเลเซีย ผลักดันกลับไทยทางด่านพรมแดนสะเดา
25 มิ.ย. 63 ที่ด่านพรมแดนสะเดา ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศมาเลเซีย ได้นำตัวชายชาวไทยที่ถูกจับในคดีต่างๆ และดำเนินคดีสิ้นสุดแล้วรวม 20 คน มาเพื่อผลักดันกลับประเทศ ซึ่ง 1 ใน จำนวนนั้น มี นาย มูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 / 1 ม. 4 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยรวมอยู่ด้วย
โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ร.อ.กิตติคุณ ณ วาโย หน.ฝกร.ฉก.ร.5 ร.ท.ปราโมทย์ นิลพันธ์ หน.ฝขว.ฉก.ร.5 ร.ต.อ.ประวิง มั่นคง หน.ชฝต.4304 ( ร้อย ตชด.437 ) นายสุบัณฑิตย์ ไชยแก้ว ปลัด อ.สะเดา และ พ.ต.ต.ปฏิยุทธ ดำคง สว.ตม.จว.สงขลา รอรับ เวลาประมาณ 11.00 น.รถของ ตม.มาเลเซียก็มาถึงบริเวณด่านพรมแดนสะเดา และนำชาวไทย 20 คนลงจากรถ ซึ่งจากการสังเกตพบว่าทุกคนยังถูกสวมกุญแจมืออยู่
เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวนายมูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ พร้อมอ่านหมายจับให้ฟัง ก่อนควบคุมตัวไปผ่านจุดคัดกรองโรค และบันทึกประวัติเบื้องต้น ในส่วนของคนอื่นๆพบว่ามีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดบ้าง ไม่มีใบทำงานบ้าง แต่คดีสิ้นสุดแล้วทุกคน จึงส่งตัวคัดกรองเชื้อโควิด – 19 และเข้าสู่ขั้นตอนการกักตัวตามปกติ
สำหรับนายมูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ มีหมายจับจากศาลนาทวี คดีของ สภ.สะเดา ว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันให้ที่พักอาศัย ช่วยซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้บุคคลนั้นพ้นการจับกุม โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.62 หลังจากที่ทหาร ร้อย ร.5021 ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.สะเดา ตั้งจุดตรวจบริเวณถนนเส้นทางสายบางควาย – โคกพันตัน ม.7 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงจลา
ซึ่งมีรถยนต์กระบะสีฟ้า ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ ทะเบียน บร 1958 สงขลา ขับฝ่าจุดตรวจ ก่อนเจ้าหน้าที่พบรถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งห่างออกไปประมาณ 8 กม. และจากการตรวจสอบรถพบชาวโรฮีนจา 22 คน และชาวพม่า 6 คน อยู่ในรถ โดยเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสืบสวนขยายผล จนสามารถติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีแล้วรวม 3 คน ส่วนนาย มูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีส่วนพัวพัน หลบหนีไปได้
จากการสอบถามนาย มูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ บอกว่าหลังจากเกิดเหตุ ตนเองได้หลบหนีเข้าไปในประเทศมาเลเซียทางด่านปาดังเบซาร์ เพื่อไปตั้งหลัก โดยไปอาศัยอยู่กับคนรู้จักเป็นคนไทยมาเลย์ ชื่อบังเรี๊ยะ อายุประมาณ 35 ปี ซึ่งอยู่ในขบวนที่นำแรงงานเข้าประเทศ และตนเองเพิ่งเข้าไปร่วมในขบวนการนี้และลงมือทำงานได้ 2 – 3 ครั้ง ในหน้าที่ช่วยประสานงาน จะได้ค่าแรงหัวละ 300 บาท จ่ายเมื่อแรงงานข้ามผ่านแดนไปได้แล้ว
ซึ่งหลังจากอยู่ในมาเลเซียได้ไม่นานก็ถูกตำรวจสากลจับได้ และถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหาหลบหนีเข้าเมือง ถูกดำเนินคดีและตัดสินจำคุก 4 เดือน แต่ตนเองรับสารภาพจึงได้รับการลดโทษเหลือจำคุกเพียง 2 เดือน ก่อนถูกปล่อยตัวและผลักดันกลับประเทศในวันนี้
โดยหลังจากเสร็จสิ้นการคัดกรองเชื้อโควิด – 19 พบว่านาย มูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ มีไข้ ต้องนำตัวส่ง รพ.สะเดา เพื่อตรวจเพาะเชื้อต่อไป ก่อนที่จะควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา ดำเนินคดีตามหมายจับ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายมูฮัมหมัด “ บังหมัด ” หมินเย๊าะ ยังมีหมายจับอีก 3 หมายในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด ( นำเข้าใบกระท่อม ) และให้ที่พักพิง ช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าว เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: