สงขลา-สะเดา กรรมาธิการ การเงิน การคลังสถาบันการเงินและ ตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เผยผลงานจากการลงพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อศึกษาดูงานด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าชายแดน และจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น หลังวิกฤตโควิด-19 พบเมืองท่องเที่ยวทั่วภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมืองแทบร้าง การค้าการท่องเที่ยวยังเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนตื่นตัวแห่มารับฟังจนล้นหลาม
วานนี้ ( 13 ก.ย. 63 ) คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎรนำโดย นายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม ประธานคณะกรรมาธิการ และคณะลงพื้นที่ดูงาน และสัมมนาเรื่องผลกระทบของวิกฤตโควิด -19 ต่อเศรษฐกิจ การค้าชายแดน และการท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดย ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ โฆษกคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้รับผิดชอบ บอกถึงภารกิจของคณะกรรมาธิการในครั้งนี้ว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยได้ส่งสัญญาณและมีทิศทางสู่ภาวะถดถอยอย่างชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความพยายามในการเพิ่มและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจึงได้รับการผลักดันมากขึ้น ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในทุกด้าน และสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ ส่งผลเชิงลบต่ออัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย
และเมื่อเกิดการคุกคามจากโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงต้นปี 63 ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการป้องกันการระบาด ด้วยการปิดสถานที่ และงดการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ และต่างจังหวัดเป็นการชั่วคราว ซึ่งเกิดประสิทธิผลต่อการหยุดการระบาด แต่การหมุนเวียนของการประกอบธุรกิจแทบทุกประเภท ต้องหยุดลง ก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยอย่างกระทันหัน รวมถึงการค้าภายในประเทศและการส่งออกต่างประเทศ
ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องหยุดการประกอบกิจการ บุคลากรหลากหลายกลุ่มเผชิญกับความภาวะตกงานหรือรายได้ลดลง ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาและเยียวยา รัฐบาลจึงได้จัดให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสริมสภาพคล่องและจัดหาแหล่งเงินทุน ตลอดจนการชะลอหนี้สินและค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจและประชาชน แต่ช่วยได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
การจัดการจัดสัมมนาในครั้งนี้กรรมาธิการได้เลือกพื้นที่เขตเศรษฐกิจ บ.ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ณ โรงแรม เดอะวิสต้า โดยมีนักธุรกิจ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งจากในพื้นที่ และจากจังหวัดปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา นราธิวาส เข้าร่วมรับฟังกว่า 500 คน ในเวทีจัดสัมมนาได้ระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆในท้องถิ่น โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงินและสังคมจำนวน 10 ท่าน
ซึ่ง บ.ด่านนอก นับเป็นเมืองท่องเที่ยวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด มากที่สุดนานที่สุด ปัจจุบันบ.ด่านนอกมีโรงแรมจำนวน 46 แห่ง ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ประมาณ 5,000 คนและประชาชนส่วนหนึ่งได้ทิ้งถิ่นฐานกลับสู่ภูมิลำเนา ส่วนประชาชนที่ยังไปไหนไม่ได้คือ กลุ่มที่ติดหนี้ธนาคาร กลุ่มที่มาซื้อบ้านจึงยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายถิ่นฐานได้
กรรมาธิการได้มาศึกษาเก็บข้อมูลในพื้นที่ พบว่าปัญหาวิกฤตโควิดในครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ปัจจุบันนักธุรกิจที่เป็นหนี้ธนาคารรัฐ ในพื้นที่ บ.ด่านนอกประมาณ 5,000 ล้านบาท ต่อหนึ่งธนาคาร ซึ่ง ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ กล่าวว่าได้รับข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์ ทำให้ทราบว่ามีลูกหนี้รวมกว่า 5,000 ล้านบาท หากเราไม่ช่วยเหลือแก้ไข ก่อให้เกิดหนี้เอ็นพีแอล เป็นเมืองร้างทันที
และกรรมาธิการชุดนี้จะเข้ามาแก้ไขในเรื่องที่ชาวบ้านร้องขอ เช่น เปิดจุดผ่อนปรนในพื้นที่ การยืดระยะพักหนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2564 และการเปิดด่านสะเดาแห่งใหม่ไม่ให้มีผลกระทบต่อการค้าชายแดน และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ รับฟังและสร้างความรู้ความเข้าใจให้ตรงกันถึงแก่นแท้ของปัญหา และให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ซึ่งคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร จะนำข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ วิเคราะห์ ก่อนนำไปเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: