สงขลา-สะเดา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 / ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ชายแดนไทย – มาเลเซีย อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เน้นย้ำเฝ้าระวังกลุ่มผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ในช่วงโควิด -19 ยังระบาดหนัก พร้อมคาดโทษดำเนินการขั้นเด็ดขาดหากมีกำลังพล หรือเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องขบวนการ
25 ม.ค. 2564 เวลาประมาณ 14.00 น.ที่บริเวณหลักเขตชายแดนไทยมาเลเซีย ที่ 17 บ.ทับโกบ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา พลตรี ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 / ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี พร้อมด้วย พันเอกอายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 5 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ลงตรวจพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา
เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ชป.จรยุทธ์ ร้อย ร.5021 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในการลาดตระเวน และซุ่มเฝ้าตรวจการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านจุดคัดกรองโควิด – 19 โดยมีนายเชาว์ เฉลิมเกียรติ นายด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ พร้อมกำลังทหาร ตชด.437 ชฝต.4304 / 4 ศุลกากรปาดังเบซาร์ และฝ่ายปกครอง อ.สะเดา ร่วมให้การต้อนรับ
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นแนวเขตแดนแบบคู่ระหว่างไทยและมาเลเซีย มีรั้วลวดหนามกั้น ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่รู้จักกันดีคือ“เนินนมสาว “ก่อนหน้านี้เป็นพื้นที่ ที่กลุ่มขบวนการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หรือขนสิ่งของผิดกฎหมาย มักใช้เป็นช่องทางขนสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง
พลตรีศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 / ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี บอกว่าปัจจุบันแรงงานต่างด้าวในมาเลเซียถูกผลักดันออกจากประเทศจำนวนมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 ยังมีความรุนแรง
เราเพิ่มกำลังมาตั้งแต่มีโควิดรอบ 2ใหม่ๆประมาณปลายเดือน พ.ย. โดยได้เพิ่มกำลังทั้งตอนบนและตอนล่างเพิ่มประมาณ 15 ชุดปฎิบัติการ พร้อมเสริมกำลังของภาคประชาชนที่ทำงานในพื้นที่ ทั้งกำลังของทางอำเภอ ตำรวจเป็นต้น ในห้วงก่อนปีใหม่เราสามารถจับกุมผู้นำพาได้ 2 คน เป็นชาวเมียนมาร์ได้ ก่อนขยายผลจับกุมได้อีก 3 คนซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์เช่นกัน
ทำให้ทราบว่าปัจจุบันนี้ขบวนการลักลอบนำพาแรงงานหลบหนีเข้ามา จะมีชาวเมียนมาร์เป็นผู้ประสานงานทั้งในประเทศมาเลเซีย และในประเทศไทยเพื่อนำไปสู่ปลายทาง ทำให้เรารู้ว่าทีมที่เกิดขึ้นมาใหม่เป็นทีมนายหน้าของประเทศเขาเอง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ของเราโดนจับไปเยอะแล้วทั้งผู้ที่เป็นนายหน้าค้าแรงงานต่างด้าว ซึ่งในส่วนที่เหลือเรามีการรวบรวมรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องเก่าๆ ใช้อำนาจกฎอัยการศึกเชิญตัวมาพูดคุยและปรามไว้ก่อน
สำหรับนายหน้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกลุ่มใหม่ๆ ตอนนี้เรารู้ตัวหมดแล้ว และเริ่มจับกุมได้ นอกจากนั้นยังมีการประสานงานกับทางประเทศมาเลเซียโดยผ่านทางกงสุลไทย และกงสุลมาเลเซีย ทางมาเลเซียก็มีการจัดทีมพิเศษในการสกัดกั้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยมีชุดเฝ้าตรวจและลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย –มาเลเซีย มีการตั้งป้อมเล็กๆระยะห่างกิโลเมตรละ 1 ป้อม เพื่อเฝ้าระวังชายแดนของเขา
อย่างไรก็ดีหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ หรือกำลังพลในหน่วยเกี่ยวข้อง กับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หรือค้าแรงงานเถื่อน จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น
