สงขลา – สะเดา ดาบตำรวจประวัติเสพยาจนหลอน มองคนกลายเป็นผีใช้ อาวุธปืนกล็อกขนาด 9 มม. กระหน่ำยิงลูกพี่ลูกน้องเสียชีวิตคาที่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สั่งฟันไม่ยั้งทุกความผิด
วันที่ 7 เมษายน ( ที่ผ่านมา ) เวลาประมาณ 19.22 น. พ.ต.อ.สมชาย นพศรี ผกก.สภ.คลองแงะ รับรายงานเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณบ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 2 ถนนกาญจนวานิช ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา หลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้กำกับสืบสวนภูธรภาค 9 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.ธนวัฒ เส้งสุย ผู้กำกับสืบสวนจังหวัดสงขลา พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุที่เกิดเหตุมีกลุ่มไทยมุงหลายร้อยคนบริเวณพงหญ้าข้างบ้านพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายธีรยุทธ เกตุสุริยงต์ อายุ 39 ปี สภาพศพนอนหงายถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. มีรอยกระสุนบริเวณใต้ตาด้านซ้าย ทะลุศรีษะด้านขวา และบริเวณหน้าท้องด้านขวาทะลุเอวขวา
เบื้องต้นทราบชื่อผู้ลงมือก่อเหตุคือ ด.ต.จอมภพ ภักดีวชิระสกุล หรือชื่อเดิม อิสรา เกตุสุริยงต์ อายุ 38 ปี เป็นตำรวจ สภ.สะเดา ตำแหน่ง ผบก.หมู่งานป้องกันปราบปราม ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย โดยหลังจากที่ก่อเหตุ ได้หลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในบ้านเลขที่ 11/3 ซึ่งเป็นบ้านน้าสาวตัวเอง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุเข้าไปในซอยประมาณ 100 เมตร พร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ลงมือ
ด้าน พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 บอกว่าก่อนเกิดเหตุ ด.ต.จอมภพ มีอาการคลุ้มคลั่งเนื่องจากได้เสพยาเสพติดเข้าไป จนเกิดอาการหลอนทางประสาท จากนั้นได้ใช้อาวุธปืน 9 มม. ยิงผู้เสียชีวิตซึ่งในขณะนี้ไม่ทราบสาเหตุและแรงจูงใจ หลังก่อเหตุได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนบ้านญาติ
ก่อนเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษจะเข้าควบคุมตัว ไว้ได้ในเวลาประมาณ 23. 00 น.ขณะนอนกอดอาวุธปืนกล็อกอยู่ พร้อมกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 2 แม็ก ทั้งหมด 24 นัด ก่อนควบคุมตัวไปยัง สภ.คลองแงะ เพื่อสอบปากคำในเบื้องต้น แต่พบว่าผู้ต้องหายังมีอาการเบลอๆอยู่ ซึ่งจะทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดและสอบสวนอีกครั้งโดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สั่งให้ดำเนินคดีทุกฐานความผิดที่ตรวจพบเจอ และผู้ต้องหาเป็นตำรวจซึ่งกำลังถูกลงโทษทางวินัย จากสาเหตุไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย
ส่วนนางวันเพ็ญ เกตุสุริยงค์ อายุ 66 ปี มารดาของผู้ต้องหา บอกว่า ลูกชายของตนได้มีอาการหลอนประสาทเนื่องจากเสพยาเสพติดมานานแล้ว ถึงขั้นเคยมองเห็นตนเองเป็นผี ที่ผ่านมาได้พาไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หมดเงินไปหลายแสนบาท ตอนหลังอาการดีขึ้นก็กลับมาทำงาน ก่อนจะย้ายไปที่หลายที่เช่น สภ.คอหงส์ ตร.ท่องเที่ยวและตร.กองปราบ ล่าสุดถูกย้ายมาที่ สภ.สะเดา ส่วนการลงมือในครั้งนี้ตนเองยังไม่ทราบ ทั้งนี้ลูกชายไม่เคยบอกว่ามีการขัดแย้งอะไรกัน และทั้งนี้เขาเป็นญาติ และเติบโตมาด้วยกัน นางวันเพ็ญบอก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: