สงขลา – สะเดา แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เตรียมพร้อมกำลังป้องกันชายแดน รับคนไทยกลับประเทศ หลังมาเลเซียผลักดันแรงงานต่างชาติ ที่อาศัยอยู่โดยผิดกฎหมายออกประเทศภายใน 21 เมษายนนี้ เน้นย้ำรับคนไทยทุกคนแต่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมย้ำกำลังพลป้องกันเข้ม บุคคลลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ
20 มี.ค. 64 ที่ด่านศุลการกรสะเดาแห่งใหม่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอสะเดา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับคนไทยกลับเข้าประเทศ
หลังมาเลเซียประกาศให้ผู้ที่ถือวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวที่อยู่เกินกำหนดและที่ลักลอบทำงานโดยได้มีไม่มีใบอนุญาตให้เดินทางออกจากประเทศ ภายในวันที่ 21 เมษายน 2564 หลังจากที่การผ่อนผันมาแล้วหลายครั้งจากผลกระทบการระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งหากอยู่เกินกำหนดจะต้องเข้าร่วมโครงการเปรียบเทียบเพื่อเดินทางกลับ โดยการจ่ายค่าปรับ หรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายมาเลเซีย
พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 บอกว่า ประเทศมาเลเซียได้ผลักดันให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่โดยผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เมษายน 2564 นี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่อยู่ในมาเลเซียนั้น จึงได้มีการเตรียมการรับมือเรื่องนี้ไว้ โดยได้ประสานไปยังจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ติดชายแดนมาเลเซียให้มีมาตรการรับมือทั้งเรื่องของสถานที่สำหรับรองรับกลุ่มดังกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งยังได้สั่งการให้หน่วยกำลังทุกหน่วยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด ตลอดจนหน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยนำมาตรการที่เคยใช้ควบคุมโรค COVID-19 ที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีมายกระดับเพิ่มเติม
ในส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันตามแนวชายแดนได้มีการกำชับให้เข้มงวดมาตรการดูแลสกัดกั้นตามแนวชายแดนมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการยกระดับการตรวจตราตามแนวชายแดนอย่างทั่วถึง เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติผิดกฎหมายของแรงงานคนไทยที่ไปทำงานยังมาเลเซียที่จะต้องนำเข้ากระบวนการ Quarantine ป้องกันโรค COVID-19 ทุกคน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคสำหรับชายแดนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษนั่นคือฝั่งจังหวัดนราธิวาสและสงขลา เพราะมีช่องทางธรรมชาติหลายช่องทางที่สามารถแอบลักลอบเข้ามาได้ ประกอบกับทั้ง 2 จังหวัดนี้ เป็นพื้นที่สีแดงที่ต้องมีการควบคุมสูงสุดเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรค
จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และคณะได้ตรวจพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ หลักเขตแดนที่ 23/13 หมู่ที่ 7 ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พร้อมรับฟังการชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงาน การวางกำลังป้องกันตามแนวชายแดนของหน่วย ซึ่งผลการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนจนถึงปัจจุบัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ได้ดำเนินการจับกุมการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดสตูลและจังหวัดสงขลาแล้ว 5 ครั้ง โดยเป็นคนไทยทั้งหมด 7 คน
ส่วนกรณีการรับคนไทยเข้าประเทศผ่านช่องทางด่านสะเดา ตั้งแแต่วันที่ 1 เมษายนจนถึงปัจจุบันนั้น มียอดลงทะเบียนขอเดินทางกลับทั้งหมด 417 คน เดินทางกลับจริง 303 คนโดยในจำนวนนี้เป็นชาวจังหวัดสงขลา 52 คน
แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้ฝากถึงประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ในมาตรการและความจำเป็นในการเฝ้าระวังป้องกันโรค COVID-19 โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเข้ากลับมายังประเทศไทยขอให้แจ้งผ่านเข้ามายังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ และนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคตามที่ สบค. กำหนด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ยืนยันไม่ว่าจะเดินทางเข้ามาผ่านช่องทางใดเจ้าหน้าที่พร้อมรับและดูแล แต่ต้องมีการคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น ทั้งนี้หากพบเห็นผู้ที่แอบลักลอบเข้ามายังหมู่บ้าน ชุมชนของตนโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค ก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: