สงขลา – สะเดา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมร่วมหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางออก ถนนเชื่อมต่อระหว่างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับประเทศมาเลเซีย หากทุกฝ่ายร่วมมือเชื่อเสร็จภายในปี 2566 (มีคลิป)
วันนี้ ( 8 พ.ย.64 ) ที่ห้องประชุมพระนิกรบดี ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเป็นประธานและร่วมประชุมกับนายวงศกร นุ่นชูคันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อมทั้งหัวหน้าหน่วยงานราชการในพื้นที่ พร้อมทั้งประชุมผ่านระบบซูมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประเด็นที่ร่วมประชุมปรึกษาหารือในวันนี้ เป็นกรณีถนนเชื่อมต่อระหว่างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา กับ ( ด่านบูเก็ต กายูฮิตัม ) รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ทำการก่อสร้างแล้วเสร็จมาเกือบ 3 ปี มีการเปิดใช้งานได้เพียงบางส่วน แต่เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อมต่อระหว่างประเทศ จึงทำให้ยังไม่ได้เปิดใช้สำหรับการเดินทางเข้า – ออก หรือการขนส่ง
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่า วันนี้ได้มาจุดเชื่อมต่อของด่านสะเดาแห่งใหม่กับประเทศมาเลเซีย ซึ่งด่านศุลกากรแห่งใหม่สร้างเสร็จมาร่วมสองปีแล้วโดยใช้งบประมาณร่วม 2,200 ล้านบาท ซึ่งด่านสะเดาเป็นด่านทางบกที่มูลค่าส่งออกสินค้ามากกว่า 4 แสนล้าน ต่อปี รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับด่านสะเดา เป็นอย่างมาก
“ที่ผ่านมาเรายังไม่สามารถเปิดทำการได้เนื่องจากข้อเจรจาเชื่อมต่อผ่านแดน ซึ่งบัดนี้เราได้ข้อยุติแล้ว คือจุดที่ลงพื้นที่ในวันนี้ ที่ผ่านมาเราใช้เวลาหมดไปกับการควบคุมโควิด-19 ประเด็นนี้ผมได้นำเรื่องเสนอคณะกรรมการต่างประเทศ พร้อมให้ ศอ.บต. ช่วยดูเรื่องรายละเอียด พร้อมตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย อบจ.สงขลา ด่านศุลกากร กรมทางหลวง เทศบาลสำนักขาม และ ศอ.บต. ซึ่งได้ข้อยุติชัดเจนแล้ว พร้อมจะได้ขอประมาณของรัฐบาลต่อไป”
ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันต้นปี 2566 เราสามารถเปิดจุด เชื่อมต่อระหว่างด่านสะเดาแห่งใหม่กับประเทศมาเลเซียและเปิดใช้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะเสร็จพร้อมกับถนนสายมอเตอร์เวย์ระยะทาง 6 กิโลเมตรจากถนนกาญจนวนิช ด่านสะเดาแห่งใหม่ ถ้าไม่มีปัญหาอุปสรรคใดใดสามารถเปิดใช้พร้อมกันทั้งด่านสะเดาแห่งใหม่และถนนมอเตอร์เวย์ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนชาวอำเภอสะเดาและชาวบ้านด่านนอก เพื่อส่งเสริมการส่งออกและระบบโลจิสติกส์รวมทั้งการท่องเที่ยวต่อไป
