สงขลา – สะเดา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด/รองผู้บัญชาการกองทัพไทย ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้า การปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน และการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนไทย – มาเลเซีย แก้ปัญหาภัยแทรกซ้อน และอาชญากรรม ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
10 กุมภาพันธ์ 2565 พล.อ.สุภโชค ธวัชพีระชัย รองผู้บัญชาการ ทหารสูงสุด / รองผู้บัญชาการ ศูนย์บัญชาการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และคณะ ตรวจเยี่ยม รับฟังการบรรยายสรุป การปฏิบัติงาน ในพื้นที่ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย ณ ห้องประชุม ฉก.ร. 5 ค่ายธนพัฒน์ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา
โดยมี พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการ กองกำลังเทพสตรี ผู้แทน ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 4 และพันเอก ฐนิตพนธ์ หงษ์วิไล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 5 ให้การต้อนรับ ร่วมกับ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ( ชฝต.4304 ) เจ้าหน้าที่ศุลกากรสะเดา
รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด/รองผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ประชุมรับฟังการบรรยายสรุป การปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน และการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย – มาเลเซีย จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 และกองสนามจัดทำหลักเขตแดนไทย ประมาณ 30 นาที
ก่อนเดินทางไปตรวจภูมิประเทศ ณ ด่านศุลกากร (แห่งใหม่) และรับฟังบรรยายสรุป ข้อมูลการก่อสร้าง รั้วเดี่ยวร่วม บนเส้นเขตแดนร่วมไทย – มาเลเซีย (บ้านด่านนอก – บูกิตกายูฮิตัม) บริเวณแนวชายแดน หลักเขตแดนที่ 23/9 ทั้งนี้การปฏิบัติอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันตนเองและป้องกันโรค ของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเข้มงวด
สำหรับรั้วเดี่ยว บนเส้นเขตแดนร่วมฯ จะมีลักษณะเป็นรั้วซิเมนต์ ด้านบนจะติดตั้งลวดหนาม รวมความสูงประมาณ 4 เมตร โดยในการสร้างทางฝ่ายประเทศมาเลเซียจะรับผิดชอบบริเวณ หลักเขตแดนที่ 23 / 13 – 23/104 ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร และฝ่ายไทยจะสร้างตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 20A /12-23 /13 ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร รวมทั้งสิ้น 11 กิโลเมตร ในพื้นที่ หมู่ 7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา
ซึ่งเป็นแนวด้านซ้ายและขวา ของด่านพรมแดนสะเดา ที่มีปัญหา เนื่องจากถูกใช้เป็นเส้นทางลักลอบ ขนแรงงานเถื่อน หรือแรงงานต่างด้าวเข้า-ออก มาเป็นเวลานาน และหากการก่อสร้า งรั้วเดี่ยวบนเส้นเขตแดนร่วม แล้วเสร็จ เชื่อว่าจะทำให้ การควบคุมดูแล การลักลอบกระทำความผิด อาชญากรรมต่างๆ หรือโรคโควิด-19 ที่อาจติดมากับแรงงานต่างด้าว ผ่านแนวรั้วแห่งนี้ มีประสิทธิภาพยิ่งขี้น
