สงขลา – สะเดา ชื่นมื่น หนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยมุสลิม ชาวมาเลเซีย ที่มีภรรยามากกว่า 1 คน สามารถเดินทาง มาจดทะเบียนสมรส ในประเทศไทย พบมีคู่รักชาวมาเลเซีย เดินทางมาจดทะเบียนภรรยาคนที่ 2 คนที่ 3 และคนที่ 4 ปีละกว่า 1,200 คู่ ก่อนโควิด – 19 ระบาด โดยหลังมีการเปิดด่านพรมแดน คู่รักเริ่มทะยอยมาจดทะบียนสมรส เฉลี่ยวันละ 2 คู่
23 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา หรือ ดร.อ๋อง นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ – สงขลา ว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสมาคมได้ช่วยเหลือ นายโรสแลนด์ บิน นอร์ดิน อายุ 58 ปี และ น.ส. ซิตี อัสมาลินี บินติ ซิตี อาหมัด อายุ 35 ปี ชาวมาเลเซีย
ซึ่งเป็นคู่รักต่างวัย ต้องการจดทะเบียนสมรส ( ภรรยาคนที่ 4 ) ในประเทศไทย พร้อมเพื่อนจำนวนหนึ่ง โดยการประสานผ่านสมาคมฯ ต้องการเข้าประเทศไทย ด้วยการอำนวยความสะดวก ในการลงทะเบียนผ่านแอพ ไทยแลนด์พาส ซื้อประกันโควิด จองที่พักและตรวจอาร์ทีพีซีอาร์ ที่โรงแรมพาราเม้าท์ พาเลส บ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อรอผลการตรวจโควิด-19
และได้ประสานเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค สำนักงานมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา และกงสุลมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา จนสามารถผ่านขั้นตอนต่างๆ ด้วยความเรียบร้อย พร้อมจัดเตรียมรถรับส่งที่ สำนักงานมัสยิดกลาง เข้าสู่กระบวนการสมรส (นิกะห์) ที่มัสยิดกลาง และจดทะเบียนสมรส ตามแบบชาวมุสลิม หลังจากนั้น จึงได้เดินทางไปยังสถานกงสุลมาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา ทำการรับรองเอกสารทะเบียนสมรส ซึ่งมีผลใช้ได้ตามกฎหมายมาเลเซียทันที ก่อนไปท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา
ดร.สิทธิพงษ์ฯ บอกว่า การแต่งงานและการจดทะเบียนสมรส ตามแบบมุสลิม ในประเทศสามารถต่อยอดให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยว สามารถทำเป็นเพคเก็จมาแต่งงาน และฮันนี่มูน สร้างรายได้สู่การท่องเที่ยว โดยให้ประเทศไทย เป็นศูนย์สมรส (นิกะห์) และการจดทะเบียนสมรส ตามวิถีมุสลิมในอาเชี่ยน
ส่วนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสมรส เพียง 5,000 บาทต่อคู่ กรณีที่มาด้วยตนเอง ถ้าผ่านเอเย่นต์ จะเสียค่าใช้จ่าย สูง 20,000 บาทต่อคู่ ซึ่งการนิยมมาแต่งงาน และจดทะเบียนใน 5 จว.ใต้ ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยว ในชุมชน เพราะต้องมาพักค้างในพื้นที่อย่างน้อย 3 วัน เพื่อรอเอกสารจากกงสุล ซึ่งคู่รักชาวมาเลเซีย นิยมไปเที่ยว ที่ตลาดน้ำคลองแห และหาดสมิหลา สงขลา
