สงขลา – หนุ่มช่างซ่อมรถหาลำไพ่พิเศษใช้รถยนต์กระบะ รับขนใบกระท่อมให้นายทุน ทำเนียนตัดหญ้าให้วัวเอาวางทับด้านบนหวังตบตาเจ้าหน้าที่ เผยพิรุธเจอด่านตรวจรีบจอดรถแล้ววิ่งหนี ฝ่ายปกครองไล่รวบตัวได้ทันควัน ตรวจค้นรถพบใบกระท่อมสดกว่า 200 กิโลกรัม สารภาพขนมาแล้วรวม 5 ครั้ง
นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอสะเดา สั่งการให้นายธีรยุทธ นาวีเดล ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายฤทธชาติ ทัศจานจุน ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง พร้อมกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอสะเดาที่ 3 เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดชั่วคราว พร้อมลาดตระเวนโดยรถยนต์ ในเขตพื้นที่ตำบลสำนักแต้ว อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ป้องกันการลักลอบการค้ายาเสพติด และภัยแทรกซ้อนอื่นๆ เนื่องจากบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ได้มีการตรวจตราจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นประจำ
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 28 พ.ย. ) เวลาประมาณ 21.30 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดบริเวณ ถนนสายทุ่งใหญ่ – บางนะ บ้านทุ่งใหญ่ หมู่ที่ 10 ตำบลสำนักแต้ว อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ได้มีรถยนต์กระบะ ขับมาจากถนนสายบ้านบางนะ มุ่งหน้าไปทางบ้านทุ่งใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้จอด แต่รถยนต์กระบะคันดังกล่าวกลับจอดก่อนถึงจุดตรวจ ประมาณ 100 เมตร ส่วนคนขับได้เปิดประตูรถ แล้วรีบวิ่งหลบหนีเข้าไปในสวนยางพาราข้างทาง แต่เจ้าหน้าที่ไล่ตะครุบรวบตัวไว้ได้ทัน
จากการสอบสวนทราบชื่อนายสุบรรณ พลสังข์ หรือเบี้ยว อายุ 38 ปีอยู่บ้านเลขที่ 52/1 หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจากตรวจค้นรถยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บค 2571 สงขลา ซึ่งนายสุบรรณขับมา พบกระสอบตาข่ายสีแดงจำนวน 24ใบ มีใบพืชกระท่อมสดใส่อัดแน่นทุกกระสอบ รวมน้ำหนักทั้งหมด 240 กิโลกรัม
เบื้องต้นนายสุบรรณ บอกว่าตนเองมีอาชีพเป็นช่างซ่อมรถ ส่วนใบพืชกระท่อมสดทั้งหมดจะนำไปส่งต่อที่ บ.คลองแงะ โดยมีนายเอ ไม่ทราบชื่อจริงมารับต่ออีกทอด ซึ่งมีนายทุนชื่อ “ เจ้อร ” คอยโทรประสานงานในการให้มารับใบกระท่อม ส่วนตนเองจะได้ค่าจ้างครั้งละ 4 – 5 พันบาท ในการขนใบกระท่อมจะใช้หญ้าซึ่งตัดทุกวันเป็นประจำ เพื่อนำไปให้วัวชนที่เลี้ยงไว้กิน วางทับกระสอบใบกระท่อมไว้เพื่อปกปิดเจ้าหน้าที่ ซึ่งเคยขนมาแล้วรวม 5 ครั้ง แต่ครั้งนี้พอสังเกตเห็นว่ามีด่านตรวจ ตกใจและรีบจอดรถวิ่งหนี แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดถูกจับกุมตัวในที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลถึงกลุ่มนายทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
