สงขลา-สะเดา ชาวบ้าน ตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาร้องทุกข์สื่อ หลังถูกสมาคมสวัสดิการภาคประชาชน อ้างรัฐมีนโยบายรับฝากเงินสัจจะวันละ 1 บาท มีสิทธิ์เจ็บป่วยเบิกได้ เสียชีวิตมีเงินค่าทำศพ แต่สุดท้ายไม่เป็นดั่งที่อ้าง เช่นเบิกไม่ได้ จ่ายไม่ครบ ชาวบ้านเดือดร้อนประมาณ 200 ราย กำนันประกาศกร้าว 20 กันยายน ทุกอย่างต้องจบ
13 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านหมู่ที่ 1-10 ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่ามีกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นตัวแทน มาจากภาครัฐระดับจังหวัดบอกกับชาวบ้านว่า ได้มีการขออนุญาตเปิด สมาคมสวัสดิการภาคประชาชน พร้อมมีการเปิดโครงการออมเงินในชื่อโครงการ สัจจะวันละ 1 บาท เพื่อทำกองทุนสวัสดิการชุมชน
โดยอ้างว่าหากชาวบ้านพื้นที่ตำบลใด ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฝากเงิน จะได้ค่าผลตอบแทนอาทิ ได้ค่าจัดงานทำศพหากกรณีผู้ฝากเสียชีวิต เบิกค่ารักษาพยาบาลได้หากกรณีผู้ฝากเข้านอนรักษาตัว ที่โรงพยาบาลและสามารถเบิกถอนได้ตลอดเวลา ฯลฯ หลังมีชาวบ้านจำนวนมากหลงเชื่อ และมีการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฝากเงินกับสมาคมสวัสดิการภาคประชาชน
ปรากฎว่าทางสมาคมสวัสดิการฯ ไม่ปฎิบัติตามกฎระเบียบที่กล่าวไว้แต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านกว่า 200 คน ตั้งแต่หมู่ 1 ถึง หมู่ 10 ในพื้นที่ ต.น้ำน้อย ที่หลงเชื่อได้รับความเสียหาย ต้องสูญเงินเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบกับ นาย ชัช เส็งนนท์ กำนัน ต.น้ำน้อย พร้อมกับตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายกว่า 200 คน ก่อนนำหลักฐานเป็นสมุดบันทึกเงินฝากมีจำนวน 2 เล่ม สีเขียวและสีส้ม ที่ชาวบ้านนำเงินไปฝากไว้กับสมาคมสวัสดิการภาคประชาชน มามอบให้ผู้สื่อข่าวได้ทำการตรวจสอบ
เบื้องต้นพบว่าสมุดเล่มสีเขียวเป็นสมุดเงินฝากเล่มแรก ซึ่งด้านหน้าระบุว่า สมุดประจำตัว สมาชิกกลุ่มสัจจะวันละ 1 บาท เพื่อทำสวัสดิการภาคประชาชน โดยแต่ละหน้าจะเป็นช่องตารางบันทึกการฝากเงินในแต่ละเดือน เดือนละ 30 บาท มีทั้งหมด 12 ช่อง เท่ากับ 1 ปี ของ 1 หน้า ซึ่งมีทั้งหมด 13 หน้า เท่ากับ 13 ปี ใน 1 เล่ม
ส่วนสมุดเล่มสีส้มเป็นสมุดเงินฝากเล่มที่สองของปัจจุบัน หากสมุดเล่มสีเขียวเต็มแล้ว ด้านหน้าระบุว่า สมุดประจำตัว สมาชิกกลุ่มสัจจะลดรายจ่ายวันละ 1 บาท เพื่อทำกองทุนสวัสดิการชุมชน โดยแต่ละหน้าจะเป็นช่องตารางบันทึกการฝากเงินในแต่ละเดือน เดือนละ 30 บาท มีทั้งหมด 12 ช่อง เท่ากับ 1 ปี ของ 1 หน้า ซึ่งมีทั้งหมด 13 หน้า เท่ากับ 13 ปี ใน 1 เล่ม โดยสมุดทั้ง 2 เล่ม รวมกัน 26 ปี ในการบันทึกการฝากเงิน
ชาวบ้านเล่าว่า ย้อนกลับไปช่วงแรกที่มีการฝากเงิน มีอดีตผู้ใหญ่บ้าน ได้มาทำการชักชวนให้ชาวบ้านลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสัจจะวันละ 1 บาท โดยให้ชาวบ้านเก็บเงินของตัวเองวันละ 1 บาท พอครบ 30 บาท (เท่ากับ 30 วัน) ให้นำมาฝากเก็บไว้ที่อดีตผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์ อาทิ หากเจ็บป่วยไม่สบายถึงขั้นนอนรักษาตัวโรงพยาบาลหลายวันจะ ได้เงินค่ารักษาจำนวน 2 หมื่นบาท หากคนไหนเสียชีวิตจะได้เงินค่าทำศพตัวเอง และหากชาวบ้านจะเบิกเงินตัวเอง ก็สามารถเบิกได้ตลอดเวลา
ซึ่งในการเก็บเงินนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ อสม.ของหมู่บ้าน เป็นคนทำหน้าที่ไปเก็บเงินชาวบ้านที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการถึงบ้าน ก่อนเจ้าหน้าที่ อสม. จะนำเงินส่งต่อให้อดีตผู้ใหญ่บ้าน และส่งต่อให้ประธานใหญ่ของกลุ่มสัจจะวันละ 1 บาท อีกที ที่ผ่านมามีชาวบ้านจำนวนมากได้ฝากเงินมานานนับ 10 ปี แต่ไม่สามารถเบิกเงินของตัวเองได้ ส่วนกรณีชาวบ้านเสียชีวิตที่จะได้รับเงินค่าทำศพนั้น ปรากฎว่าไม่มีการมอบเงินค่าทำศพให้กับญาติๆผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
จนกระทั่งล่าสุดชาวบ้านที่ฝากเงินกับโครงการสัจจะวันละ 1 บาท ได้ร่วมตัวกันไปทวงสิทธิ์ขอเงินคืน ที่อดีตผู้ใหญ่บ้านแต่กลับไม่ได้คืน โดยอ้างว่าเงินของชาวบ้านได้ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานจังหวัด ซึ่งเป็นประธานใหญ่ของกลุ่มสัจจะวันละ 1 บาท อีกทอด จนทำให้ชาวบ้านตั้งแต่หมู่ 1-10 ในพื้นที่ ต.น้ำน้อย ส่งตัวแทนร้องทุกข์มาที่ผู้สื่อข่าว
ทางด้านกำนัน ต.น้ำน้อย เปิดเผยว่า มีการร้องเรียนไปทางจังหวัด ตอนผมเข้ามา คือเขาได้มีการทำอยู่แล้ว ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวแต่อย่างใด เวลามีการประชุมก็ไม่เคยเชิญผมไป พอเกิดเรื่องขึ้นผมก็ได้รับเรื่องจากผู้ใหญ่ ซึ่งทราบว่าประธานเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน โดยเริ่มรับเงินตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เป็นจำนวนเงิน 7,777,681 บาท ทั้ง 10 หมู่บ้าน คาดว่ามีชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายนับ 200 คน
ความคิดเห็นในสื่อโซเชี่ยล
เบื้องต้นตอนนี้ผมให้ผู้ใหญ่บ้านไปประกาศทุกหมู่เลยว่าใครได้รับความเดือนร้อน จากสัจจะวันละบาทให้มาลงชื่อ ว่าโดนเรื่องใดบ้าง บางคนก็โดนเรื่องสมุด โดยให้เงินมา 15 ปีแล้วแต่ยังไม่ได้เงินกลับ บางรายก็ญาติพี่น้องเสียชีวิตแล้ว ก็ยังไม่ได้เงินเช่นกัน ในส่วนนี้เราต้องดูข้อชี้แจงก่อนครับ ว่าเขาจะชี้แจงยังไง รายรับต่อเดือนเท่าไหร่ ต่อปีเท่าไหร่ ใน 1 เดือน ที่ลงเงินสัจจะวันละบาท จ่ายยังไงเท่าไหร่ เสียชีวิตไปแล้วเท่าไหร่ แล้วได้จ่ายมาจริงหรือไม่ ซึ่งในวันที่ 20 กันยายน ทุกอย่างต้องจบ
นอกจากนี้ พบว่ายังมีชาวบ้านในหลายตำบล ของพื้นที่ของ จ.สงขลา ได้รับความเสียหายแบบเดียวกันกับที่ ต.น้ำน้อย และคาดว่าอาจจะมีชาวบ้านอีกจำนวนมากในแต่ละจังหวัด ได้รับความเสียหายเช่นกัน ซึ่งมูลค่าความเสียหายรวมกันหลักหลายร้อยล้านบาท แต่กระนั้นบางส่วนบางจังหวัด ก็มีโครงการออมเงินในลักษณะเดียวกันนี้ ซึ่งหลายๆที่ก็มีความมั่นคง มีเงินปันผล แต่ส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาการฉ้อโกง จนเกิดเป็นข่าวอยู่เสมอๆ
