สงขลา-สะเดา พลโทศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เผย ผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นแนวร่วมที่ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มุ่งหวังทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ล่าสุดศพผู้เสียชีวิต 3 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลสะเดา ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ที่วัดโคกสมานคุณ และทำพิธีรดน้ำศพช่วงเย็นวันนี้ เผยเป็นระเบิดชนิดเหยียบหวังผลต่อชีวิต
6 ธ.ค. 65 จากกรณีเกิดเหตุระเบิดซ้ำบนทางรถไฟ สายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งคนงานการรถไฟพลาดท่าเหยียบระเบิด ขณะเก็บกู้ซากตู้คอนเทนเนอร์ทำให้เสียชีวิตทันทีเช้าวันนี้ 3 คน บาดเจ็บอีก 4 คน เหตุเกิดบริเวณพื้นที่หมู่ 2 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา
สำหรับเหตุดังกล่าวเกิดตั้งแต่เวลาประมาณ 06.20 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่และลูกจ้างการรถไฟแห่งประเทศไทย กำลังปฏิบัติงานเก็บกู้รถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า 10 ตู้ ของขบวน 707 ซึ่งถูกคนร้ายรอบวางระเบิดระหว่างขนส่งสินค้าจากชุมทางหาดใหญ่ ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ระหว่างสถานีรถไฟคลองแงะ – ปาดังเบซาร์
โดยปรากฎว่า ขณะที่ พนักงานและลูกจ้างของการรถไฟจำนวน 7 คน แบ่งกลุ่มเดินจากจุดที่เก็บกู้ฯ มาตามทางรถไฟ ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น ทำให้นายภูมิพันธ์ เพ็ชรสุข ผู้ช่วยสารวัตรแขวงรถจักรหาดใหญ่ , นายนวฤทธิ์ สุวรรณชาตรี และนายยิ่งศักดิ์ ชุมศรี ลูกจ้างแขวงรถจักรหาดใหญ่ ถูกแรงระเบิดอัดร่างลอยไปคนละทิศละทาง และชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
ส่วนพนักงานการรถไฟและลูกจ้างที่เหลืออีก 4 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเจ้าหน้ากู้ภัยสายชล คลองแงะ ได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสะเดา
ขณะที่ พนักงานการรถไฟ ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุเปิดเผยว่า ขณะกำลังปฏิบัติงานต่อเนื่องกันมา แต่ก็พบกับอุปสรรค ในการนำอุปกรณ์ไปซ่อมแซมทางรถไฟ โดยชุดของตนมีการเว้นระยะห่าง 3 เมตร จากชุดแรกที่ถูกระเบิด 3 คน ซึ่งจุดระเบิดวันนี้อยู่ไม่ไกลจากจุดระเบิดวันแรก
ขณะที่ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมพลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมประชุมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ EOD ในการเข้าเก็บกู้และตรวจสอบสแกนพื้นที่ และวางแผน เก็บร่างผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 3 คน ก่อนนำส่ง รพ.สะเดา เพื่อชันสูตรอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับ เหตุที่เกิดขึ้นเช้าวันนี้ เป็นระเบิดลูกที่ 3 โดยลูกแรกและลูกที่ 2 เป็นระเบิดถังดับเพลิง ซึ่งลูกที่ 2 เก็บกู้ได้วานนี้ และเช้าวันนี้เป็นลูกที่ 3 ชนิดเหยียบ หวังผลต่อชีวิตเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งแหล่งข่าวด้านความมั่นคงให้ข้อมูลว่า พื้นที่เกิดเหตุ เป็นพื้นที่นอกเหนือการเฝ้าระวัง จนกลายเป็นจุดอ่อนให้คนร้ายได้ลงมือก่อเหตุ
เพื่อทำลายเส้นทางลำเลียงสินค้า การเดินทาง และการท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ขณะนี้กำลังฟื้นฟูมีนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความพยายามก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ในพื้นที่รอยต่อของ 4 อำเภอ จังหวัดสงขลา และยังเชื่อมโยงกับการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน
แม่ทัพภาคที่ 4 เผย ผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นแนวร่วมที่ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ จชต.มุ่งหวังทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เมื่อช่วงประมาณ 10 เดือนที่แล้ว ทางหน่วยข่าวกรอง ได้มีการสืบสวนสวน และทราบว่า กลุ่มแนวร่วม ต้องการก่อเหตุความรุนแรงนอกพื้นที่ความมั่นคง คือ ไม่ใช่พื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางฝ่ายความมั่นคง
ภาพจาก จนท.กู้ชีพฯ Apiwat Nuansri
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมการเฝ้าระวังและป้องกันเหตุมาโดยตลอด ซึ่งรูปแบบการก่อเหตุ ในลักษณะใกล้จุดเกิดเหตุเพียงไม่กี่ร้อยเมตร นั่นหมายความว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุประเมินสถานการณ์แล้วว่า ภายหลังเกิดเหตุ จะต้องมี จนท. เข้าตรวจสอบ และ เก็บวัตถุพยานหลักฐาน จึงตั้งใจให้มีเหตุระเบิดซ้ำ หวังทำลายชีวิตและทรัพย์สินโดยตรง
หลังจากนี้ ต้องมีการยกระดับการรักษาความปลอดภัย ร่วมกับหน่วยความมั่นคง ให้เพิ่มสูงขึ้น เพื่อขยายพื้นที่ดูแลความปลอดภัย และเฝ้าระวังภัยสูงสุด โดยเฉพาะพื้นที่เขตเมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ ที่เป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรง
พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการห้ามผู้เกี่ยวข้อง เข้าใกล้จุดเกิดเหตุเด็ดขาด โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมประณามผู้ก่อเหตุความรุนแรงที่ทำให้เกิดความเสียหาย และแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่เสียชีวิต ให้ความมั่นใจว่าจะดูแลอย่างเต็มที่
ในส่วนของศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย หลังจากโรงพยาบาลสะเดาทำการชันสูตรศพเสร็จเรียบร้อย จะมีการเคลื่อนย้าย ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโคกสมานคุณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งจะทำพิธีรดน้ำศพในเวลา 17.00 น.วันนี้
