X

สงขลา “เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน”เอกชนวอนรัฐทบทวน หวั่นกระทบท่องเที่ยวชายแดนฯ

สงขลา-สะเดา ภาคเอกชนหวั่น ค่าเหยียบแผ่นดิน กระทบการค้าการท่องเที่ยวชายแดน หลังมติ ครม. เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา  เห็นควรให้จัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินทั้งทางบก เรือ อากาศ  ที่ 300 บาทสำหรับทางอากาศ/คน/ครั้งและ 150 บาท/คน/ครั้ง สำหรับทางบกและเรือ  มีผลบังคับใช้ 1 มิถุนายน 2566 

22 กุมภาพันธ์ 2566 ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา  ให้ความเห็นว่า การจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินทางบก 150 บาท จะส่งผลต่อวิถีการค้าการท่องเที่ยวชายแดน ด้วยบริบทที่แตกต่างกัน ของนักท่องเที่ยวทางบกกับอากาศ  ในหลายๆมิติ ที่รัฐต้องทบทวนให้มากกว่านี้ก่อนออกมาตรการจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน

1.วิถีนักท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนไทย-มาเลเซีย (ทางบก) นิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในสงขลาบ่อย โดยเฉพาะในหาดใหญ่ สะเดา บางคนมาสัปดาห์ละครั้ง บางคนมากกว่า1 ครั้ง/ สัปดาห์  ด้วยเหตุผลที่ว่ามาพักผ่อน ช้อปปิ้ง ทานอาหาร ไหว้พระ

เพราะที่นี่ราคาค่าครองชีพไม่แพงเมื่อเทียบกับมาเลเซีย และเดินทางมาง่าย คิดปุ๊บสตาร์ทรถมาปั๊บได้เลย เมื่อกฎเกณฑ์เปลี่ยน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น คนจะตัดสินใจมาเที่ยวบ้านเราน้อยลง ทั้งจำนวนคนและความถี่ หากนักท่องเที่ยวตัดสินใจไม่มา 1 คน เท่ากับ เดือนนั้นเลขจะหายไป 4 คน

ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา  

2.ค่าใช้จ่ายไม่ได้จบที่ 150 บาท หากมานอกเวลาทำการหรือเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่าโอทีให้กับตรวจคนเข้าเมือง อีก 25 บาท / รถยนต์ 1 คัน จะกลายเป็น 150 บาท ++  นี่คือการเพิ่มภาระจากเดิม แทนที่จะยกเลิกของเดิมให้หมดแล้วเหลือยอดเดียว  แต่กับกลายเป็นว่าคนละหน่วยกัน กฎหมายคนละตัว อีกหน่อยถ้าจะมีหน่วยงานไหนขอเก็บบ้าง ก็คงจะให้เหตุผลเดียวกันว่าคนละหน่วยงานได้ใช่หรือไม่

3.ยกเว้นให้กับผู้ถือ border pass เก็บเฉพาะหนังสือเดินทาง เพื่อเป็นการผ่อนปรน แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาสงขลา ล้วนแต่ใช้หนังสือเดินทาง ( passport ) เพราะไม่ใช่ทุกคนจะถือ หนังสือเดินทาง Border Pass ได้ มาตราการนี้จึงเป็นการผ่อนปรนเฉพาะบางส่วน และจะส่งผลถึงพื้นที่อื่นๆ เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วย Border Pass จะถูกจำกัดพื้นที่เดินทาง

4.ค่าเหยียบแผ่นดิน 150 บาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก 50 บาทนำไปซื้อประกันให้นักท่องเที่ยวและส่วนที่สอง 100 บาท นำเข้ากองทุนฯ  ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าประกันจะให้ความคุ้มครอง 30 วัน แต่ถ้านักท่องเที่ยวมาใหม่ในสัปดาห์ถัดไป จะต้องจ่ายค่าประกันอีก ทั้งๆที่เพิ่งจ่ายไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

ผมเคยเสนอในที่ประชุมกับทีมวิจัยว่า หากเงินค่าเหยียบแผ่นดินออกมาเพื่อแก้ปัญหา ที่รัฐต้องเอาเงินอุดหนุนไปรักษานักท่องเที่ยวเวลาเกิดอุบัติเหตุ ผมเลยเสนอว่าให้นักท่องเที่ยวทางบก จ่าย 1 ครั้งแล้วคุ้มครอง 30 วันตามกรมธรรม แต่จะเข้า-ออกประเทศไทยกี่ครั้งก็ได้ ตราบเท่าที่ประกันยังคุ้มครอง (เฉพาะทางบก) แต่ก็ไร้การตอบรับจากคณะกรรมการฯ

5. เราเจอวิกฤตโควิด 2 ปี รัฐไม่เข้ามาดูแล ต้องต่อสู้กันเองเรื่อยมา จนการค้าการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น กำลังจะเดินได้ แต่รัฐเดินนโยบายค่าเหยียบแผ่นดินนี้ จะนำมาซึ่งการฉุดรั้งการเดินของเรา   ถ้ารัฐคิดว่าเสียงประชาชนสำคัญ และให้พวกเราเดินต่อได้อย่างสะดวก ตัวเลขและรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่กระทบ ขอให้รัฐช่วยพวกเราดังนี้

1.ขยายระยะเวลาการบังคับใช้การจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินทางบกออกไป 1 ปี และศึกษาผลกระทบอีกครั้ง การศึกษาขอให้เปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยว่า บริบทเขาเป็นอย่างไร เช่น การเดินทางเข้ามาเลเซียไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่การเดินทางฝั่งไทยยังมีค่าใช้จ่าย (ช่วงนอกเวลาทำการ) และขอให้เชิญตัวแทนหน่วยงานภาคเอกชน ที่มีส่วนได้เสียให้มากที่สุดอย่างน้อยที่สุด ต้องมีสัดส่วนเท่ากันหรือมากกว่าหน่วยงานของรัฐ

2.หากเดินหน้าจัดเก็บและไม่ให้เกิดผลกระทบกับการค้าการท่องเที่ยวชายแดน ขอให้ยกเว้นการจัดเก็บนักท่องเที่ยวสัญชาติมาเลเซีย,ลาว,เขมร,เมียร์มาร์ (ประเทศเพื่อนบ้าน)  ที่เดินทางเข้าประเทศไทยทางบก

สุดท้ายนี้ผมขอให้รัฐพิจารณาทบทวนกรณีการจัดเก็บดังกล่าวว่ามีผลกระทบมากน้อยขนาดไหน และขอให้รัฐเปิดเผยผลงานวิจัยที่ได้ทำสำรวจเรื่องการจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ว่ามีเนื้อหาสาระอย่างไร

ผมในฐานะเป็นคนพื้นที่ ไม่อยากเห็นมาตรการจากส่วนกลาง มาทำร้ายการค้าการท่องเที่ยวของเรา ไม่อยากเห็นภาพการค้าการท่องเที่ยวบ้านเราเกิดวิฤตแล้วต้องมาแก้ไขกันภายหลัง จึงขอให้ท่านผู้ที่มีอำนาจโปรดพิจารณาทบทวนตรงนี้ด้วยครับ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ภูมริน มหันตมรรค

ภูมริน มหันตมรรค

เคยเป็นสื่อทีวีในฐานะทีมช่างภาพตั้งแต่ยุคเปิดตัว ITV. และทำข่าว นสพ.ท้องถิ่นมาก่อน และหยุดไปช่วงนึง 4 ปี เนื่องจากย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ กลับมาก็เริ่มใหม่ในสื่อทีวี และ นสพ. จนกระทั่งปัจจุบัน 77 ข่าวเด็ด