สงขลา-สะเดา กรมการปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นำหมายศาลบุกค้น โกดัง และร้านขายบุหรี่เถื่อน เหล้าเถื่อน กลางเมืองหาดใหญ่ พบเคยถูกจับไปแล้ว กลับมาเปิดใหม่ที่ห่างจากที่เดิม ไม่ถึง 100 เมตร พบแต่ละร้าน มีรายได้ต่อเดือนมหาศาล เกือบ 10 ล้านบาท
วันที่ 17 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 15.00 น.นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา จำนวน 3 หมาย เข้าตรวจค้น โกดัง และร้านค้า ขายบุหรี่ สุราผิดกฎหมาย ในท้องที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 3 แห่ง
หลังจากการสืบสวน พบว่า เป็นร้านเดิมที่ ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง เคยนำกำลังมาบุกจับ แล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 จึงได้ ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสงขลาเข้าตรวจสอบ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นร้านค้า จำนวน 3 ร้าน ได้แก่
1.โกดังสินค้าผิดกฎหมาย ตั้งอยู่ เลขที่ 72/15 ถ. นิพัทธ์สงเคราะห์ 3 ซอย 5 (นำโชค) ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบบุหรี่หนีภาษี บุหรี่ปลอมอากรแสตมป์ สุราหนีภาษี บุหรี่ไฟฟ้า ยาแก้ไอซึ่งเป็นยาอันตรายที่นำไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติด และไพ่หนีภาษีสรรพสามิต จำนวนมาก 2. ร้าน ฟาสต์ สโตร์ (ใหม่) ตั้งอยู่ บนถนน นิพัทธ์สงเคราะห์ 1 ตำบลหาดใหญ่ พบของกลาง บุหรี่หนีภาษี บุหรี่ปลอมอากรแสตมป์ สุราหนีภาษี บุหรี่ไฟฟ้า ยาแก้ไออันตรายจำนวนมาก
ส่วนร้านที่ 3 เป็น ร้านไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ที่ 121/72 ถ.นวลแก้วอุทิศ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่จ.สงขลาพบของกลางเป็นบุหรี่หนีภาษี บุหรี่ปลอมอากรแสตมป์ สุราหนีภาษี และยาแก้ไออันตราย จำนวนมาก
โดยจากการเข้าค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก กรมการปกครอง ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ว่า ร้านบุหรี่ สุราผิดกฎหมาย ที่ ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง เคยนำกำลังมาจับเมื่อ วันที่ 8 มีนาคม 2566 ได้ของกลางเป็นจำนวนมาก กลับมาเปิดขายใหม่อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยย้ายร้านไปเปิดห่างจากที่เดิมไม่ถึง 100 เมตร เท่านั้น
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เผยว่า ประเทศไทยได้รับความเสียหายอย่างมาก จากปัญหาการลักลอบนำสินค้าหนีภาษีเข้ามาขายในประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ พบบัญชีรายรับของทางร้าน มีรายได้เดือนละเกือบ 10 ล้านบาท ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุมจะได้ประสาน สำนักงาน ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินร้านที่ถูกจับกุมไปแล้ว และร้านที่ถูกจับในครั้งนี้ และหากว่าเจ้าหน้าที่ยังพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำอีก จะได้ร่วมกับทางจังหวัดสงขลากวาดล้างจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
