สงขลา – อำเภอสะเดา “พี่มุก” เจ้าขององค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ “สุนัขริมรั้ว” ถอดใจ ยอมยุติบทบาทในการให้ความช่วยเหลือรับเลี้ยงสุนัข และแมวจรจัด หรือเจ็บป่วย เตรียมนำส่งที่เดิม หลังจากที่ดูแลมากว่า 8 ปี มีสุนัขและแมวเกือบ 1 พันตัวต้องดูแล ทนแบกภาระค่าใช้จ่ายกว่าแสนบาทต่อเดือน พ้อไร้หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนให้ความสนใจ หรือยื่นมือช่วยเหลือ
11 ธ.ค. 61 นางไข่มุก เพ็ชรัตน์ หรือพี่มุก อายุ 51 ปี เจ้าขององค์กรจัดสวัดิภาพสัตว์ “ สุนัขริมรั้ว ” ซึ่งปัจจุบันนี้ตั้งอยู่ที่ 40 ถ.อิสลามบำรุง เขตเทศบาลเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา มีสุนัข และแมวในการดูแลรวมกว่า 700 ตัว เตรียมที่จะปิดสถานที่เลี้ยงแห่งนี้ หลังจากที่ได้ดูแลมาเป็นเวลารวมกว่า 8 ปี ทั้งนี้เพราะขาดความช่วยเหลือจากภาครัฐ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาดูแลแต่อย่างใดพี่มุก บอกว่าได้จัดตั้งเป็นองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ “สุนัขริมรั้ว” ขึ้นมาเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วทั้งนี้เพื่อให้การเลี้ยงมีความถูกต้อง โดยเลี้ยงมาก่อนหน้านั้นร่วม 4 ปี จนถึงปัจจุบันรวมกว่า 8 ปี มีสุนัขกว่า 600 ตัว และแมวกว่า 100 ตัว ในการดูแล ซึ่งจะเป็นสุนัขและแมวที่เจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ โดนคนทำร้ายมาบ้าง ซึ่งทางเราต้องดูแลรักษาเองทั้งหมด ทั้งค่ายา ค่าอาหาร ค่าคนเลี้ยง มีรายจ่ายไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อเดือนซึ่งตั้งแต่ที่เริ่มเลี้ยงมาก็ไม่มีหน่วยงานของภาครัฐ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในท้องที่ เข้ามาดูแลหรือให้ความช่วยเหลือ ส่วนใหญ่มาดูๆแล้วก็ไป จะมีบ้างก็เป็นภาคเอกชนซึ่งมีน้อยมาก “ ยอมรับว่าน้อยใจ และท้อมากเพราะเราเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว การที่เราเก็บสุนัขและแมวเหล่านี้มาดูแล ก็เท่ากับเราได้ช่วยเหลือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว แต่เขาไม่ให้ความสนใจเลย ทั้งการทำหมัน ค่ายา อะไรต่างๆเราต้องออกเอง เริ่มจากที่เราทำอะไรไม่เป็น ตอนนี้เราทำได้หมด ทั้งการทำหมันหรือรักษาแบบต่างๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบทำเป็น แต่ไม่ทำ แล้วคุณจะมาอยู่ตรงนี้ทำไม”ในส่วนของการทำหมันสุนัขและแมว มีหน่วยงานมาช่วย แต่ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งไม่พอเพียงกับปริมาณของสุนัขและแมวซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งพี่มุกต้องจ้างหมอมาเอง นั่นคือต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เลยมีความคิดว่าเราจะทำตรงนี้ไปเพื่ออะไร เรามีภาระครอบครัวต้องดูแล มีหนี้สิน ธุรกิจก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอยู่รับไปก็แล้วกันตอนนี้ทางคอกจะไม่รับสุนัข และแมวเข้ามาเลี้ยงอีก และจะเริ่มนำสุนัข และแมวไปคืนสู่ที่เดิม อย่างเช่นสุนัขหรือแมวเราไปรับมาจากที่ไหน บ้านใคร ก็จะนำไปคืน ทั้งนี้จะติดต่อไปก่อนว่าเราไม่ไหวแล้ว ให้เขาดูแลกันเอง ปวดใจ และเสียใจที่ต้องทำแบบนี้เพราะเราดูแลเขามานาน แต่ถ้าไม่ทำเราก็ตาย คนที่รักสัตว์ก็ต้องเข้าใจ พี่ไม่ไหวจริงๆ
สำหรับในอนาคตหากมีหน่วยงานที่รับผิดชอบจะเข้ามาช่วยเหลือ พี่ขอดูก่อนว่าจะมาช่วยอะไร อย่างไร หากมาแค่ให้ความหวังลมๆแล้งๆ หรือพูดเพียงปากเปล่าพี่ก็ไม่เอา และอยากฝากบอกถึงคนที่เลี้ยงสุนัขหรือแมว ให้ทำหมันเขาเถอะ เพื่อที่เขาจะได้ไม่แพร่พันธุ์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะสุนัขหรือแมวในชุมชน เพื่อที่จะได้ไม่กลายเป็นภาระใครอีก พี่มุกบอก
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: