สงขลา-สะเดา ปลัดอำเภอสะเดาชี้แจง กรณีหมายเหตุสาวขอเปลี่ยนชื่อครั้งที่สองขอใช้ชื่อเดิม โดยคราวหน้าหากคิดจะเปลี่ยนอีก ให้ขอใบรับรองแพทย์ระบุสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ เป็นคำพูดที่เจ้าหน้าที่คุ้นชินในห้องทะเบียน ไม่ได้มีความหมายว่าบ้า (มีคลิป)
29 กันยายน 2566 จากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กรณีน.ส.ธนัชพร วัย 27 ปี ชาวปาดังเบซาร์ ได้ไปติดต่อขอเปลี่ยนชื่อที่ฝ่ายทะเบียนและบัตร อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนได้แต่กลับพบมีเอกสารหมายเหตุ ระบุว่า ผู้ร้องยืนยันจะกลับมาใช้ชื่อเดิม หากมีการขอเปลี่ยนชื่อในครั้งหน้า ขอให้ผู้ร้องนำใบรับรองแพทย์ที่ระบุถึงสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ เนื่องจากผู้ร้องมีการขอเปลี่ยนชื่อบ่อยครั้ง
ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสาวที่มาเปลี่ยนชื่อ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่หลังทราบเรื่องเกิดความรู้สึกไม่พอใจ จึงได้เดินทางไปที่อำเภอสะเดาพร้อมกับลูกสาว จะขอเข้าพบนายอำเภอเพื่อขอความกระจ่าง ในกรณีที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้เข้าพบแต่อย่างใดเนื่องจากนายอำเภอมีภารกิจ จนมีการร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ นางสาว ณัชชา ดำรงนุกูลกิจ ปลัดอำเภอฯซึ่งปฎิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ โดยชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ในวัน 10 ต.ค.ปีที่แล้ว น.ส.ธนัชพรฯ มาพร้อมกับผู้เป็นแม่ มาขอเปลี่ยนชื่อโดยอ้างว่าพระได้ให้ชื่อมาเป็นชื่อนึง ( ขอสงวนไว้ ) ซึ่งพระบอกว่ามีความหมายที่ดีเหมาะกับน้อง ถูกโฉลกกับน้อง
ในส่วนของนายทะเบียนได้พิจารณาดูแล้ว ความหมายของชื่อไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ไม่เหมาะกับที่จะใช้เป็นของน้อง คือไม่เหมาะกับผู้หญิง จึงได้บอกกับน้องและคุณแม่ไปว่า น้องต้องอยู่กับสังคม ต้องอยู่กับเพื่อนร่วมงาน กลัวว่าน้องจะโดนล้อในที่ทำงาน จึงบอกคุณแม่ว่าให้ลองหาชื่อใหม่ดีมั๊ย ที่เหมาะกว่า เพราะชื่อที่ได้มาวันนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิง เหมาะกับผู้ชายมากกว่า
แต่ในส่วนของคุณแม่และน้องยืนยันว่าจะใช้ชื่อนี้ เพราะพระให้มาเป็นมงคลกับน้อง ก็เลยบอกว่าถ้าคุณแม่ยืนยันและคุณแม่ให้ระบุไปเลยว่าคุณแม่ยืนยันให้ใช้ชื่อนี้แล้วไม่ประสงค์จะกลับมาเปลี่ยนชื่อเดิมหรือชื่อใหม่อะไรทั้งสิ้น ก็เลยบอกโอเคได้เดี่ยวจะหมายเหตุไปว่าคุณแม่จะเปลี่ยนชื่อนี้จริงๆ ก็ดำเนินการให้ตามที่ต้องการ
กระทั่งวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา น.ส.ธนัชพรฯ (ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อใหม่ไปแล้ว ) ได้เดินทางมาที่อำเภออีกครั้ง เพื่อขอเปลี่ยนชื่อ ซึ่งก็จำได้เพราะเป็นเคสที่ได้ปรึกษาหารือกันก่อนที่จะเปลี่ยนในครั้งนั้น ก็เลยถามว่าวันนี้จะเปลี่ยนชื่อเหรอคะ จะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไร ซึ่งน้องบอกว่าจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิม จึงได้บอกว่าวันนั้นทางคุณแม่ได้มาเปลี่ยนให้น้องนะ และคุณแม่บอกให้น้องใช้ชื่อนี้ แล้วก็ไม่ประสงค์จะใช้ชื่อเดิมอีกอะไรแบบนี้ น้องขออนุญาตคุณแม่แล้วยัง แล้วน้องก็เดินออกไปโทรหาแม่ ประมาณนี้ สักพักก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกว่าช่วยดำเนินการให้กับชื่อนี้หน่อย พรรคพวกโทรมาขออะไรแบบนี้ ก็เลยบอกว่าไม่ต้องขอหรอกทำให้หมดไม่ว่าใคร ทำตามนโยบายของท่านนายอำเภอที่ต้องการให้ห้องทะเบียนเป็นเซอร์วิส มาย ต้องการให้บริการที่ดีกับประชาชน
ในส่วนของน้องก็ยืนยันว่าคุณแม่ให้เปลี่ยน ก็เลยบอกว่าคุณแม่ให้เปลี่ยนคุณแม่จะไม่ว่าอะไรนะ จึงบอกว่างั้นวันนี้ขอระบุนะเพราะครั้งที่แล้วก็ระบุไปแล้วว่าไม่ประสงค์จะกลับมาใช้ชื่อเดิมหรือชื่อใหม่อีก ซึ่งคุณแม่เป็นคนบอกระบุเอง ครั้งนี้ขอเขียนว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงขอหนังสือรับรองแพทย์นะ เพื่อระบุถึงสติสัมปชัญญะ ก็แค่นั้นเอง ก็ไม่ได้พูดหยาบคายอะไร ก็ใช้คำพูดทำนองนี้ ก็พูดไปไม่ได้คิดว่าว่าจะมีปัญหาหรือสื่อความหมายว่าไปว่าลูกเค้าบ้าตามที่คุณแม่ให้ข่าวไป
โดยหลังจากที่น้องได้ใบเปลี่ยนชื่อไปแล้ว สักพักคุณแม่น้องก็เดินเข้ามาที่ห้องบอกว่ามาหาตนเอง ซึ่งตอนนั้นตนเองกำลังให้บริการประชาชนอยู่ จึงบอกว่ายังไม่สะดวกนะคะ แต่คุณแม่ไม่รอเดินเข้ามาชี้หน้าด่าเลยว่าคุณใช่มั๊ยหาว่าลูกชั้นบ้า ก็เลยบอกว่าไม่มีใครว่าลูกคุณแม่บ้า สติสัมปชัญญะไม่ได้แปลว่าบ้า เค้าบอกว่าแล้วเจอกัน ก่อนที่จะเดินออกไป
ในส่วนของคำว่าบ่อยครั้ง เรามองว่าในปีที่แล้วเขามีการเปลี่ยนไปแล้ว ในการที่จะกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกถือว่าบ่อยครั้งมั๊ย ปีที่แล้วเปลี่ยน แล้วจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิมอีก ไม่ได้ใช้ชื่ออื่น บางครั้งก็เป็นดุลยพินิจ อีกอย่างด้วยความที่เป็นอำเภอชายแดน มีการเปลี่ยนชื่อเพื่ออำพรางตัวตน เนื่องจากติดแบล็คลิสในประเทศมาเลย์ ก็ต้องมีความรอบคอบ เพราะการเปลี่ยนชื่อทำให้เขาสามารถหลบหนีเข้าไปได้ ทั้งที่เป็นคนเดิมแต่ใช้วิธีการเปลี่ยนชื่อ ซึ่งเราจะเจอกรณีอย่างนี้เรื่อยๆ
ต่อข้อซักถามถึงข้อความที่ได้ระบุไว้หลังจากเปลี่ยนชื่อเสร็จ ปลัดฯบอกว่า จากการที่เป็นเจ้าหน้าที่ คำพูดนี้ด้วยความคุ้นชิน เวลาประชาชนมาทำพินัยกรรม เราก็จะบอกว่าให้คุณลุงคุณป้า ไปขอใบรับรองแพทย์มาด้วยว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ ซึ่งเป็นข้อความที่เราใช้พูดคุยกับประชาชนที่มาใช้บริการ ที่ห้องทะเบียนอยู่แล้ว ในส่วนของการเปลี่ยนชื่อไม่ได้มีข้อกฎหมายระบุ แต่เป็นดุลยพินิจ ดูความประสงค์ ดูรอบด้าน
อยากจะบอกทุกคนว่าในส่วนของห้องทะเบียนอำเภอสะเดา ยินดีให้บริการประชาชนรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับกฎหมาย ระเบียบว่าจะต้องถูกต้องตรงไปตรงมาตามกฎหมายแค่นั้นเอง ทางห้องทะเบียนไม่มีปฎิเสธ มีแต่ให้ความช่วยเหลือ ใช้หลักรัฐศาสตร์เข้ามาใช้ในการบริการมากกว่า ซึ่งอาจต้องใช้ดุลยพินิจเป็นเรื่องๆไป ไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายประชาชน หรือกล่าวหาประชาชนเลย ปลัดกล่าวทิ้งท้าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: