สงขลา –สะเดา ประชาชนชาวด่านนอกรวมพลังแสดงประชามติเสนอ ให้โลจิสติกส์ไปด่านสะเดาแห่งใหม่ ส่วนนักท่องเที่ยวใช้ด่านเดิมในปัจจุบัน วอนอย่าปิดด่านสะเดาเก่าหวั่นเศรษฐกิจพื้นที่พัง 
22 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ณ ศาลาเอนกประสงค์ศาลเจ้าโพธิสัตว์กวนอิม ด่านนอก ซอยไทย-จังโหลน 6 เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ประชาชนชาวด่านนอกประกอบด้วย พ่อค้านักธุรกิจ เจ้าของกิจการโรงแรม สถานบันเทิง ต่างๆ กว่า 200 คนพร้อมใจกันมารับฟัง และแสดงความคิดเห็นกรณีหากมีการปิดด่านสะเดาเก่าซึ่งเป็นทางเข้า-ออก อยู่ในปัจจุบัน ที่รอบๆบริเวณเป็นศูนย์รวมการค้า สถานบริการโรงแรม ร้านอาหาร คลินิก ตลาดสด สถาบันการเงิน จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
มี ดร. สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่สงขลา เป็นคนเปิดประเด็น ให้รัฐบาลทบทวนเส้นทางการเชื่อมต่อด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านมาเลเซีย ที่จะมีการปิดด่านเก่า คาดส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชุมชนทั้งระบบ พร้อมรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอของประชาชน ในการนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด กรอ.จังหวัด และเสนอรัฐบาลต่อไป ซึ่งทุกคนตื่นตัวต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
นายเกชา เบ็ญจคาร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม เล่าว่าก่อนสร้างด่านฯ มีการอ้างว่าสร้างเฉพาะด่านสินค้าหรือโลจิสติกส์เท่านั้น โดยคงด่านปัจจุบันไว้เช่นเดิมทางเทศบาลสำนักขามในสมัยนั้นจึงอนุมัติให้ดำเนินการในพื้นที่ในเขตเทศบาลฯ แต่สร้างจริงๆกลับเป็นด่านฯที่รองรับทั้งการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ จู่ๆจะปิดด่านเก่า ซึ่งเป็นการโกหกประชาชนอย่างรุนแรง โดยมีหลักฐานเป็นเอกสารรับเรื่องของเทศบาลเป็นหลักฐานสำคัญ
ทางด้านนายสาธิต ลิ่ววัฒนะโชตินันท์ นายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม บอกว่าไม่มีใครเห็นด้วย ในการปิดด่านฯเก่า ไปใช้ด่านใหม่อย่างเดียว ตรงนี้เป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยว ที่ขึ้นชื่อมีชื่อเสียงหน้าด่านสะเดา เรื่องนี้ทาง ส.ส .สุภาพร กำเนิดผล ได้เสนอนำเรียนไปยัง ผู้ว่าราชการฯแล้ว ทั้งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีโดยขอความเห็นใจวอนอย่าปิดด่านเก่าเลยเนื่องจากชาวบ้านนักธุรกิจและผลกระทบเป็นอย่างมาก ทางเทศบาลฯพร้อมตัวแทนประชาชน และดร. สิทธิพงษ์ฯจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันที่ท่านมาด่านสะเดาในวันที่ 27 นี้
ซึ่งหลังจากข่าวประเด็นเรื่องปิดด่านฯออกไป ส่งผลให้ ประชาชน นักธุรกิจ มีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากและมีการชะลอด้านการลงทุนในพื้นที่ ที่ผ่านมาชาวด่านนอกได้รับผลกระทบจากโควิดฯระบาด มีการปิดประเทศมาเกือบ 3 ปี หลายคนล้มละลาย และกำลังจะฟื้นตัวก็มาเจอวิกฤตปัญหาเรื่องปิดด่านฯทำให้ซ้ำเติมผู้ประกอบการ และนักธุรกิจทุกคนซึ่งตอนนี้มีหนี้สินกับธนาคาร ทุกประเภทกิจการ
นางธนพร เมืองทรัพย์ ตัวแทนชาวด่านนอก กล่าวว่า หากปิดด่านสะเดาเก่า จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง “มาอยู่ที่นี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ถนนยังเป็นดินแดงไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องซื้อน้ำมาบริโภค จนกระทั่งบ้านเมืองเจริญขึ้น เมืองนี้ทำรายได้ให้กับประเทศชาติ ปีละหลายแสนล้านบาท จู่ๆกลับมาปิดด่านเก่า โดยไม่สนใจประชาชนนักธุรกิจ การค้าชายแดน เมืองนี้มีประชากรอยู่แบบพหุวัฒนธรรมมาจากหลากหลายภูมิภาค มาทำธุรกิจ สร้างเนื้อสร้างตัว นักธุรกิจทุกคนยังใช้หนี้ธนาคารไม่หมดแล้วมาเจอวิกฤตปิดด่านฯ จะทำให้ทุกคนล้มละลายหมดลมหายใจ”
ด้าน นายสุทิน พรชัยสุรีย์ ประธาน เขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 ฝ่ายอินโดนีเซียมาเลเซียไทย หรือ IMT TG กล่าวว่าในการพัฒนาด่านฯ มันต้องแยกระหว่างรถสินค้าหรือโลจิสติกส์ กับรถนักท่องเที่ยวอย่างเอกเทศไม่ให้รวมกัน ผมเองเห็นด้วยกับการเปิดด่านสะเดาใหม่ ให้เป็นรถสินค้าอย่างเดียว ส่วนด่านปัจจุบันอยากเสนอให้เป็นด่านฯรถนักท่องเที่ยว
ซึ่งต่างฝ่ายต่างสามารถเติบโตในของแต่ละด้านอย่างเต็มที่โลจิสติกส์ก็สามารถพุ่งทะยานในการส่งออกง่ายต่อการขนส่ง ซึ่งเรียกว่าด่านเดียวมี 2 ทาง คือโลจิสติกส์กับช่องรถท่องเที่ยว เป็นการส่งเสริมให้กับเศรษฐกิจและสังคมของคนด่านนอกดังนั้นเรื่องนี้สำคัญ
