สงขลา-สะเดา นายกรัฐมนตรีไทย – มาเลเซีย ผลักดันการค้า เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย ขณะที่มวลชนนับร้อยรอพบนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้อง ไม่ให้ปิดด่านเก่า สุดท้ายได้เเค่ผ่านตัวแทน
25 พ.ย.66 เวลาประมาณ 11.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสร่วมหารือทวิภาคีสร้างความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายเผดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากทางการไทย และ คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากทางการมาเลเซีย เข้าร่วมที่ห้องประชุมที่ห้องพระนิกรบดี ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ จังหวัดสงขลา
พร้อมรับฟังความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ – บูกิตกายูฮิตัมของประเทศมาเลเซีย และสถานการณ์การค้า การท่องเที่ยวบริเวณชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ก่อนนายกฯ ไทย-มาเลเซีย จะร่วมกันสำรวจเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม
ทั้งนี้ การหารือร่วมกันดังกล่าว สืบเนื่องจากการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยผู้นำไทยและมาเลเซียเห็นพ้องในการผลักดันการค้าชายแดน การแก้ปัญหาความแออัดของด่านสะเดา รวมถึงการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย
จึงได้มีการหารือทวิภาคีในครั้งนี้ขึ้น ก็เพื่อผลักดันในประเด็นที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันไว้ ซึ่งสะท้อนความตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสอง ในการให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทยและมาเลเซีย มุ่งให้เกิดความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และกระชับความร่วมมือกันในทุกด้าน
จากนั้นเมื่อประชุมเสร็จ นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย ระยะทาง 850 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการหารือกันวันนี้ สำหรับความคืบหน้าในฝั่งไทยอยู่ระหว่างการรื้อถนนเดิม และก่อสร้างถนนใหม่ ระยะทาง 500 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ช่วงเดือนกันยายน 2567 ส่วนของฝั่งมาเลเซีย ระยะทาง 380 เมตร อยู่ระหว่างการพิจารณา
หลังจากที่มีการพูดคุยครั้งล่าสุดจากการประชุม EWG เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าการสำรวจเส้นทางเชื่อมระหว่าง 2 ด่านจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น คาดว่าสามารถเปิดด่านเต็มระบบได้ช่วงปี 2568
สำหรับด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นด่านชายแดนทางบกสำคัญ ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดของประเทศไทย โดยในปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 7,691 ล้านบาท เป็นรายได้ศุลกากร 1,720 ล้านบาท คิดเป็น 22 % สูงกว่าประมาณการ 413 ล้านบาท อีกทั้งด่านศุลกากรสะเดา มีมูลค่านำเข้า–ส่งออกสินค้า รวม 428,919 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน 15 % ส่วนสถิติสินค้าผ่านแดนเข้า – ออก ด่านศุลกากรสะเดาพบว่ามีสินค้าผ่านแดนขาเข้า จำนวน 29,747 ล้านบาท และผ่านแดนขาออก จำนวน 77,277 ล้านบาท รวมมูลค่า 107,024 ล้านบาท ขณะที่สถิติผู้เดินทางเข้า-ออก ผ่านด่านพรมแดนสะเดา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565–30 กันยายน 2566 มีผู้เดินทางเข้ามา จำนวน 5,358,270 คน และรถส่วนบุคคล และรถบรรทุก จำนวน 656,401 คัน
หลังจากนั้นคณะได้เดินทางก็ยังโรงแรมเดอะวิสต้าเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งมีประชาชนชาวด่านนอกกว่า 100 คนซึ่งประกอบด้วยเจ้าของธุรกิจโรงแรม เจ้าของร้านอาหาร เจ้าของสถานบันเทิง พ่อค้าแม่ค้า ซึ่งมีนายเกชา เบ็ญจคาร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม เป็นแกนนำได้รอยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรี โดยพร้อมกันสวมเสื้อสีแดง เขียนข้อความ Save Dannok
โดยใจความในหนังสือขอเรียกร้องไม่ให้ปิดด่านสะเดาปัจจุบัน และเสนอให้ใช้ด่านสะเดาแห่งใหม่เป็นด่านสำหรับรถหรือโลจิสติกส์เพียงอย่างเดียว และคงด่านปัจจุบันไว้ให้เป็นด่านเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งหากทำการปิดด่านสะเดาปัจจุบันส่งผลให้ธุรกิจการ ค้าชายแดน การส่งออก การท่องเที่ยวพังพินาศ ชาวบ้านสิ้นเนื้อประดาตัว
ซึ่งตอนแรกชาวบ้านไม่ยอมอยากจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่านายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีกำลังรับประทานอาหาร จนนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าฯรายการจังหวัดสงขลา มาเจรจากับแกนนำและชาวบ้าน จึงยินยอมมอบหนังสือให้ตัวแทนนายกรัฐมนตรี ซี่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นพยาน แล้วก็ได้มีการมอบดอกไม้ขอบคุณและฝากดูแลประชาชนและด่านสะเดาไว้ด้วย ก่อนที่จะสลายตัว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: