สงขลา – สะเดา ทัพเรือภาคที่ 2 จับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนาม ลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทย รวบผู้ควบคุมพร้อมลูกเรือรวม 6 คน ดำเนินคดีตามกฎหมายหลายข้อหา
17 ธ.ค. 2566 ทัพเรือภาคที่ 2 โดย พลเรือโท พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเรือประมงต่างชาติ ลักลอบรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านไทย ซึ่งได้รับแจ้งเบาะแสจากแหล่งข่าวว่าพบเห็นเรือประมงต่างชาติ เข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย บริเวณ 016 ระยะ 66 ไมล์ จากปากร่องน้ำสงขลา ซึ่งอยู่ในเขตทะเลอาณาเขต
พลเรือโท พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 จึงได้สั่งการให้ เรือหลวงปัตตานี ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบโดยในวันที่ 16 ธ.ค. 2566 เวลาประมาณ 17.00 น. เรือหลวงปัตตานี ตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม เป็นเรือเบ็ด จำนวน 1 ลำ กำลังลักลอบทำการประมง ในบริเวณที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว จึงเข้าทำการควบคุมเรือไว้ได้ พร้อมผู้ควบคุมและลูกเรือรวม 6 คน และได้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือทั้งหมด มายังท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม และส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งประกอบด้วย
พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2558 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ร่วมกันใช้เรือไร้สัญชาติทำการประมง (ม.๑๐ ประกอบ ม.๑๒๓) ,ร่วมกันทำการประมงพาณิชย์โดยไม่มีใบรับอนุญาตทำการประมง (ม.๓๖ ประกอบ ม.๑๒๙),ร่วมกันทำการประมงโดยใช้เรือไร้สัญชาติทำการประมง ไม่มีใบอนุญาตทำการประมง หรือไม่มีใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง (ม.๑๑๔ (๑) (๒) ประกอบ ม.๑๖๙)
พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.๒๔๘๒ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เป็นผู้ควบคุมเรือใช้เรือสัญชาติต่างประเทศหรือเรือที่เป็นของคนต่างด้าวทำการประมงหรือของนิติบุคคลที่มีสัญชาติต่างประเทศ หรือพยายามทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยฝ่าฝืนกฎหมาย (ม.๗ วรรคหนึ่ง (๑) ประกอบ ม.๑๑ วรรคหนึ่ง) รวมทั้ง พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม อีกด้วย
สำหรับการจับกุมเรือประมงต่างชาติในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ในปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมรวมในครั้งนี้แล้วจำนวน 2 ครั้ง จับกุมเรือทั้งหมด 2 ลำ ผู้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือรวม จำนวน 11 คน ทั้งนี้การปฏิบัติดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ปี 2567 โดยร่วมกับ ศรชล.ภาค 2
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: