สงขลา-สะเดา หลวงทุ่งจินดา เพ็ชรแก้ว หนุ่มใจดีมอบข้าวสารและขนมให้กับเด็กนักเรียน รวมถึงผู้ปกครอง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ รถกระบะพุ่งชนกลุ่มลูกเสือของโรงเรียนบ้านพรุเตียว เผยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน เพียงแค่ผู้รับมีความสุขผู้มอบได้ความสุขแค่นี้ก็พอใจแล้ว
2 เม.ย. 67 ที่ศาลาลุงนุ้ย หมู่ที่ 5 บ้านพรุเตียว ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา นายจินดา เพ็ชรแก้ว อายุ 47 ปี หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงทุ่งจินดา” ได้นำสิ่งของประกอบด้วยข้าวสาร นม มาม่า น้ำผลไม้ และขนมต่างๆ บรรทุกโดยรถจักรยานยนต์พ่วงข้างเต็มคันรถ
มาบริจาคให้กับเด็กนักเรียน และผู้ปกครอง ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่มี รถยนต์กระบะพุ่งชนนักเรียนของโรงเรียนบ้านพรุเตียว ขณะที่กำลังทำกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ จนเป็นเหตุสลดทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังที่ปรากฎเป็นข่าว เมื่อกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา (อ่านข่าวคลิก)https://www.77kaoded.com/news/phumarin/2548931 ซึ่งการบริจาคในวันนี้มีเด็กนักเรียน และผู้ปกครองรวมกว่า 40 คน โดยมีผู้นำท้องถิ่น ผู้อำนวยการโรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม
หลวงทุ่งจินดา เพ็ชรแก้ว คือใคร
นายจินดา เพ็ชรแก้ว หรือหลวงทุ่งจินดา บอกว่าตนเองมีอาชีพเป็นพนักงานกวาดขยะ ของเทศบาลเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ได้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ และบริจาคสิ่งของต่างๆให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน มานานกว่า 17 ปี
ซึ่งการบริจาคเฉลี่ยเดือนละครั้ง สำหรับในวันนี้เป็นการบริจาคขนม ข้าวสาร ให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และรับผลกระทบจากเหตุรถชน เป็นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ที่สำคัญเพื่อเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อีกด้วย
ที่มาสำหรับของบริจาคต่างๆ
ตนเองทำงานกวาดขยะได้เงินเดือน 9,500 บาท ก็จะหักออกมา 1,000 บาท นอกจากนั้นก็มีคนที่รู้จัก ชาวบ้าน ช่วยกันบริจาค 10 บาท 20 บาท 100 – 200 บาท เวลาไปซื้อของบอกเจ้าของร้านว่านำไปบริจาค เจ้าของร้านก็ร่วมบริจาคมาบ้าง
หวังอะไรจากการเป็นผู้ให้
กว่า 17 ปี ที่บริจาคหรือช่วยเหลือในลักษณะนี้ จริงๆไม่ได้หวังอะไร เพียงแค่เห็นผู้รับมีความสุข คนเป็นผู้ให้มีความสุข เท่านี้ก็พอใจแล้ว ซึ่งหากถามว่าจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ก็จนกว่าจะไม่ไหวนั่นแหละ เหนื่อยก็หยุดพัก ซึ่งขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจ และสนับสนุนมาโดยตลอด
ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพรุเตียว บอกว่าเด็กนักเรียนที่ได้รับอุบัติเหตุทั้งหมด ขณะนี้ได้ออกจากโรงพยาบาลหมดแล้วทุกคน แต่ยังมีที่ต้องรักษาตัวต่อเป็นระยะๆ อีก 2 รายได้แก่ เด็กหญิง ซาอีดะห์ หะยีมะ ซึ่งร่างกายท่อนร่างต้องทำกายภาพบำบัด เนื่องจากไม่มีความรู้สึกใดๆ ส่วนเด็กหญิง ณัฐวรา พูลดวง มีคิวทำศัลกรรมจมูก ฟัน และใบหน้า ตามลำดับ
ในส่วนทางด้านคดีความถึงตอนนี้ แม้เหตุการณ์จะผ่านมา 1 เดือนกว่าๆ แต่ยังไม่มีข้อสรุปใดๆที่ชัดเจน ซึ่งทางโรงเรียนได้ประสานกับทนายความ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ปกครองเด็กในด้านกฎหมาย การเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ โดยจะนัดปรึกษาหารือกับทางด้านทนายความในวันพรุ่งนี้ ( 3 เม.ย. ) ที่ สภ.สะเดา
