สงขลา-สะเดา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสะเดา บอกยังไม่ฟันธงลูกลงมือฆ่าตัดคอพ่อ เบื้องต้นส่งตัวผู้ต้องสงสัยให้แพทย์เฉพาะทางประเมิน ป่วยจิตเวชหรือไม่ อีกทั้งรอผลการพิสูจน์หลักฐานและวัตถุพยานในที่เกิดเหตุก่อนสรุป ส่วนของเรื่องพ่อเสียชีวิตถามว่าทำไมไม่แจ้งคนอื่น เขาก็เงียบ
17 เมษายน 2567 ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ลงมือ ฆ่าตัดคอนายวิชัย โทแก้ว อายุ 57 ปี และทิ้งศรีษะไว้ข้างลำตัว หมกในบ้านใกล้สวนยางพารา ซึ่งมีผู้พบศพในช่วงสายของวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมาในสภาพขึ้นอืด นุ่งกางเกงในเพียงตัวเดียว ดังที่ปรากฎเป็นข่าวไปแล้วนั้น คลิกอ่านข่าว https://www.77kaoded.com/news/phumarin/2554393
ล่าสุดในช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุรจิต เพ็ชรจอม ผกก.สภ.สะเดา บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ต้องสงสัยคนและใกล้ชิดกับผู้ตายก็คือลูกชายครับ (นายทิวากร โทแก้ว หรือเฟิร์น ) เวลาไปไหนมาไหนลูกชายจะเป็นคนไปรับพ่อ อย่างวันที่เกิดเหตุเองเราไม่รู้ว่าไหนนะครับ ซึ่งในวันที่ 9 เม.ย ลูกชายก็ได้ไปรับพ่อเนื่องจากพ่อไปกินดื่มที่บ้านเพื่อน
ทางครอบครัวของเขาแยกกันอยู่ 10 กว่าปี ลูกส่วนหนึ่งอยู่กับแม่ 3 คน แต่คนนี้มาอยู่กับพ่อ เดิมทีก็เคยอยู่กับแม่มาก่อน ทั้งนี้ทางผู้ต้องสงสัยก็ยังพูดจาวกไปวนมา ส่วนสภาพร่างกายเขาก็เคยได้รับการรักษามาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตามที่ญาติบอก
เมื่อวานที่เราตรวจสารเสพติดก็ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย เขาไม่ใช่คนติดยา จากการสอบถามทางญาติ ทราบว่าเขาเองก็เคยมีครอบครัวมีลูก แล้วหย่าร้างกันไป ตัวเขาเองก็มาอยู่กับพ่อ ได้เรียนน้อย และอายุยังไม่ถึง 20 ปี ก็มีครอบครัวแล้ว เมื่อก่อนเขาเคยเล่นยา แต่บำบัดจนหายและก็ดีขึ้นเยอะ
ที่บอกว่าขาดยาคาดว่าน่าจะเป็นยาทางจิตมากกว่า เขาเองก็ไม่ได้รับยาตัวนี้มานานแล้ว ในส่วนของคดีเรายังตอบไม่ได้ว่าเกิดจากทางจิตหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นอื่นทิ้งไป การสันนิษฐานผู้ตายก็ใกล้ชิดกับพ่อมากที่สุด วัตถุพยานก็รอพิสูจน์หลักฐานส่งมาให้เราและดูว่ามีแนวโน้มขนาดไหนที่ใครจะเป็นคนก่อเหตุ
ส่วนในที่เกิดเหตุก็มีหลายอย่าง เสื้อผ้า มีด แต่มีดที่เห็นนั้นเราก็ไม่ได้ยืนยันนะว่าเขาใช้มีดเล่มนั้นลงมือ ส่วนมีดกรีดยางที่ได้มาจากรถจักรยานยนต์ เราก็ส่งให้ตำรวจตรวจสอบเพราะไม่รู้ว่าอันไหนที่ใช้ลงมือ สภาพศพหัวกับตัวก็ค่อนข้างจะห่างกัน
ตอนนี้ก็รอผลจากแพทย์ที่วินิจฉัย หรือดูว่าสภาพจิตมีความพร้อมที่จะก่อเหตุได้หรือไม่ ส่วนผู้ป่วยทางจิตก็จะมีขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย เขาเป็นผู้ป่วยก็จริงแต่มาก่อเหตุก็ต้องมาดูว่าเข้าข่ายข้อไหน แต่ตอนนี้เขายังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ต้องดูพยานแวดล้อมเพิ่มเติม ว่าอาจจะเป็นเขาก็ได้หรือคนอื่นก็เป็นได้
ช่วงสงกรานต์เขาเองก็ไปหาแม่จริงในวันที่ 12 เม.ย. และกลับมาวันที่ 14-15 เม.ย.67 แต่ที่เราสอบปากคำเขาก็บอกว่าเขาอยู่กับพ่อมาตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 67 รวม 3 คืน ก่อนจะไปหาแม่วันที่ 12 เม.ย. เราถามลึกลงไปในส่วนของเรื่องพ่อเสียชีวิตว่า ทำไมไม่แจ้งคนอื่น เขาก็เงียบไม่ตอบ ส่วนผลจากแพทย์เรายังให้คำตอบไม่ได้ว่ากี่วัน ก็เป็นหน้าที่ของพิสูจน์หลักฐานที่ต้องรอสรุปส่งมาที่เราอีกครั้ง จึงจะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ต่อไปได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: