สงขลา-สะเดา เรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำพร้อมผู้ต้องหา 8 รายเข้าเทียบท่าบริเวณท่าเรือตำรวจน้ำสงขลาแล้ว ด้าน บิ๊กเต่า เผยจะเร่งตามตัวผู้หลบหนีที่เหลือมาดำเนินคดีให้ได้ ขณะที่น้ำมันของกลางกว่า 3 แสนลิตร เหลือเพียงก้นถัง
ช่วงค่ำวันที่ 17 มิ.ย.67 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 19.35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำได้นำเรือน้ำมันเถื่อนทั้งหมด 3 ลำ ทยอยเข้าเทียบท่าเรือ ที่ท่าเทียบเรือกองกับกำการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำจังหวัดสงขลา โดยเรือลำที่ 1 เป็นเรือกำไรเงินหรือซีฮอส ซึ่งพบว่ามีการพยายามแปลงสภาพเรือ โดยการเปลี่ยนแปลงสีตัวเรือทั้งลำ ส่วนพื้นเรือใหม่มีการทาสีใหม่จากสีแดงเป็นสีเขียวแต่ยังทาไม่เสร็จทั้งหมด
ข่าวน่าสนใจ:
ลำที่ 2 เรือเจ.พี. มีสีเขียวทั้งลำ จากนั้นเรือลำที่ 3 เป็นเรือดาวรุ่ง มีสีฟ้าทั้งลำ เข้าเทียบท่าเรียบร้อยพร้อมกับผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกรมสวบสอบกลาง กรมศุลกากร เจ้าหน้าที่สรรพสามิต เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ขึ้นเรือเพื่อตรวจสอบเรือทั้ง 3 ลำ พร้อมทำการตรวจสอบผู้ต้องหา
พล.ต.ต. พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า “กระบวนการในวันนี้ก็จะมีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานขึ้น เพื่อไปตรวจดูว่ามีลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอของผู้ที่หลบหนี ตรงกันกับผู้ที่หลบหนีหรือไม่ จะได้ทราบว่าทั้งหมดได้ไช้ได้อยู่เรือลำนี้ในการหลบหนี และลักของกลางนี้ไป”
จากการตรวจสอบเรือทั้ง 3 ลำ ยาวลำละ 20 เมตร ได้มีการดัดแปลงพื้นเรือด้านหน้าแบ่งออกเป็นช่องๆ และมีปล่องยื่นขึ้นมาทั้งหมด 12 ช่อง ไว้สำหรับใส่น้ำมันโดยเฉพาะ ซึ่งเรือแต่ละลำมีสุนัขเลี้ยงไว้ลำนึง 2-3 ตัว เอาไว้เฝ้าระวังและเป็นหูเป็นตาขณะลอยลำกลางทะเลหรือเทียบท่าไม่ให้ใครเข้าใกล้เรือ
จากนั้นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ทำการวัดปริมาณน้ำมันว่าแต่ละลำ เหลือน้ำมันเถื่อนเท่าไรซึ่งพบว่าแต่ละลำเหลือน้ำมันเพียงก้นถัง ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย พบว่าเป็นคนไทยทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้เข้าสอบประวัติ พร้อมทำการบันทึกอัตลักษณ์บุคคล
ด้าน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า น้ำมันในเรือของกลางกว่า 330,000 ลิตร ขณะนี้มีเหลืออยู่ไม่มาก ซึ่งน้ำมันบางส่วนได้มีการจำหน่ายไประหว่างหลบหนี โดยรวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 5 ล้านบาท
ในส่วนของผู้ต้องหาหลังจากนี้จะให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ชุดสืบสวนของกองบังคับการปราบปราม และพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบเท่านั้น เนื่องจากต้องมีการตรวจพิสูจน์เรื่องของดีเอ็นเอที่อยู่บนเรือ ก่อนจะให้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบปากคำและฝากขัง
สำหรับการดำเนินคดีนั้น ขณะนี้ได้ตั้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนกับลูกเรือทั้ง 15 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะโดนทั้งคดีอาญา ระเบียบทางวินัย และการละเมิด เนื่องจากปฎิบัติหน้าที่ไม่เต็มที่ จนเกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ ซึ่งจะดำเนินการอย่างที่สุดโดยไม่ละเว้น
รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ขอให้ลูกเรือทั้ง 7 คน ที่หลบหนีเข้ามอบตัว มาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว เพื่อเป็นประโยชน์แก่รูปคดีหรือมีประโยชน์ของตัวลูกเรือเองที่จะไปสู้คดีในชั้นศาล ส่วนลูกเรือทั้ง 8 คน เจ้าหน้าที่นำตัวไปฝากขังที่ สภ.เมืองสงขลา ก่อนควบคุมตัวไปสอบปากคำที่กองปราบปรามวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.)
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: