สงขลา-สะเดา สองสามีภรรยาสุดทน ไอ้โม่งงัดบ้านกวาดทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่าประมาณ 6 เเสนบาท นานราว 8 เดือนเซ็งจัดคดีไม่คืบ โพสต์โซเชียลใครขี้เบาะเเส จนนำทรัพย์สินบางส่วนกลับคืนได้ ยินดีจ่าย 1 เเสนบาท
5 พ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 56 หมู่ที่ 8 บ้านคลองยุ่ง (หัวถนน) ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา พบกับนาย กฤชเดช ทินกร อายุ 59 ปี เเละนางชญาดา ทินกร อายุ 47 ปี คู่สามีภรรยา หลังจากที่มีการโพสต์ในสื่อโซเชียลทั้งในเฟซบุ๊กส่วนตัว เเละกลุ่มสาธารณะ ข้อความ “ประกาศ ตามหา/ตามจับ รางวัลนำจับ 100,000 บาท โจรงัดเเงะ/ขโมยทรัพย์สิน ณ บ้านเลขที่ 56 ม.8 บ้านคลองยุ่ง (หัวถนน) ต.ปริก อ.สะเดา เมื่อ วันที่ 19 ก.พ. 67 หากผู้ใดสามารถชี้เบาะเเส จนนำทรัพย์สินบางส่วนกลับคืนได้ มีรางวัลแก่ผู้ชี้เบาะเเสดังกล่าว” (พร้อมเบอร์ติดต่อ)
ข่าวน่าสนใจ:
นายกฤชเดชฯหรือ “คุณอู๊ด”บอกเหตผลถึงโพสต์ดังกล่าวเนื่องจากบ้านของตนเองถูกโจรงัด ทรัพย์สินหายไปหลายรายการ เเต่ผลของคดียังไม่มีความคืบหน้าอะไร ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาร่วม 8 เดือน จึงคิดหาวิธีเผื่อมีใครทราบเบาะเเสบ้างพร้อมบอกว่าวันเกิดเหตุ 19 ก.พ.67 ตนเองเเละภรรยาได้ไปทำธุระที่ในตัวเมืองสงขลา กลับมาถึงบ้านเวลาประมาณ 17.00 น. พบว่าประตูหลังบ้านเปิดอยู่ โดยกุญเเจที่คล้องล็อคไว้ถูกตัดออก ก่อนรีบไปสำรวจทรัพย์สินทันที
เบื้องต้นที่บริเวณห้องชั้นล่างมีร่องรอยรื้อค้นกระจัดกระจาย ตรวจสอบในตู้เสื้อผ้าปรากฎว่าปืนยาวโบราณขนาด 9 มม.ยี่ห้อวินเชสเตอร์ ที่เก็บไว้หายไป ส่วนที่ตู้เก็บของซึ่งมีสร้อยคอทองคำ เเหวน เงินสด กำไลมือ ก็หายไปทั้งหมด ส่วนบริเวณชั้นสองซึ่งเป็นห้องพระ พระเครื่องจำนวนหนึ่งก็หายไปเช่นกัน รวมมูลค่าประมาณ 6 เเสนบาทซึ่งหลังจากนั้นได้เข้าเเจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะเดา เเละในวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลังฐาน 9 ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บพยานหลักฐาน
“ต่อมาได้ติดตามคดีกับพนักงานสอบสวนฯ ปรากฎว่าไม่มีความคืบหน้าในเรื่องคนร้ายเเต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็มีหนังสือเเจ้งมาครั้งเดียวเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ว่ามีการตรวจเก็บรายนิ้วมือแฝงเเละ DNA ที่วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ได้ทำการส่งตรวจ ,ทำหนังสือเเจ้งฝ่ายสืบสวนให้ออกติดตามหาตัวผู้กระทำความผิด และขอสนับสนุนข้อมูลการสืบสวนไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณมือถือ เป็นต้น” ล่าสุด( 3 เดือนที่เเล้ว ) ได้ติดตามคดีกับพนักงานสอบสวนคนเดิม ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเช่นเคย
ด้านนางชญาดาฯ บอกเสริมว่า ในส่วนของโทรศัพท์ซึ่งหายไปสองเครื่องทั้งเเบบรายเดือนเเละเติมเงิน สงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่ตรวจสอบว่าสัญญาณสิ้นสุดที่ตรงไหน เผื่อที่จะมีเบาะเเสคนร้ายในเบื้องต้น และหลังจากนั้นตนเองได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเเจ้งว่าหากมีใบหมายเรียกพยานก็สามารถนำมายื่นเพื่อขอตรวจสอบด้วยตนเองได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนเองจึงไปขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเเต่ได้รับการปฎิเสธ อ้างว่าเอกสารดังกล่าวเป็นความลับทางราชการ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานเอง
หลังจากนั้นระยะหนึ่งตนเองได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการมือถืออีกครั้ง ได้รับการตอบรับมาว่ายังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเเต่อย่างใด
คุณอู๊ดบอกเพิ่มเติมอีกครั้งว่า หลังจากที่บ้านตนเองโดนงัดเเงะ หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน บ้านอีกหลังซึ่งอยู่ในพื้นที่ก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำ ซึ่งคนร้ายได้ทรัพย์สินไปมูลค่าประมาณ 1 เเสนบาท ซึ่งมีการเเจ่งความเเล้ว เเต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้เช่นกัน
“ทรัพย์สินบางอย่างอยากได้คืน โดยเฉพาะปืน เป็นปืนโบราณอายุประมาณ 80-90 ปี มีคุณค่าทางจิตใจเพราะเป็นปืนของคุณตาเป็นของบรรพบุรุษที่ตกทอดมา…ใครที่สามารถติดตามเเจ้งเบาะเเสของคนร้ายที่มาขโมยทรัพย์สินได้ ยินดีที่จะจ่ายเงินให้ 1 เเสนบาทจริงๆ ไม่ใช่เเค่ลงเล่นๆ
จากนั้นคุณอู๊ดได้พาผู้สื่อข่าวดูรอบๆบริเวณบ้านซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านไม้โบราณสองชั้น เป็นบ้านสวนที่ค่อนข้างห่างจากหลังอื่นๆ ซึ่งคาดว่าคนร้ายอาจจะทราบการเคลื่อนไหวของเจ้าของบ้าน จนนำไปสู่การลงมืองัดเเงะขโมยทรัพย์สินในที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: