สงขลา-สะเดา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาสั่งเยียวยาครอบครัวจิตอาสา ซึ่งเสียชีวิตขณะออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในอำเภอสะเดา ด้านสถานการณ์น้ำยังท่วมสูงในบางพื้นที่ จนชาวบ้านไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ตำรวจตระเวนชายแดนเร่งนำเรือท้องแบนเข้าช่วย
29 พ.ย. 2567 สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ยังไม่คลี่คลายแม้ฝนจะเบาบางลงในวันนี้ หลายพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขังระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร โดยเฉพาะในพื้นที่ หมู่ที่ 2 – 3 บ้านท่าโพธิ์ออก-ตก ต.ท่าโพธิ์ รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรเข้าไปในหมู่บ้านได้ เนื่องจากระดับน้ำที่สูงและกระแสน้ำไหลแรง ต้องใช้เรือเท่านั้น
ซึ่งในวันนี้ พ.ต.อ.ปกาสิฐ หนูอิ่ม ผกก.9 บก.กฝ.บช.ตชด. และทีมชุดปฏิบัติการ ของ กองกำกับการ 9 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ค่ายท่านมุก) ประมาณ 20 นาย ได้เข้าทำการช่วยเหลือชาวบ้าน หมู่ที่ 2 ต.ท่าโพธิ์ตก นำอาหาร น้ำดื่ม และยาเวชภัณฑ์ต่างๆ ไปมอบให้กับชาวบ้านที่ประสบกับปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม โดยใช้เรือท้องแบนติดเครื่องยนต์เข้าไปยังพื้นที่
นางเฝาะ แก้วสุวรรณ อายุ 82 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือบอกด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ ตนเองอาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง บ้านชั้นล่างถูกน้ำท่วมหมดต้องไปอาศัยอยู่บนชั้นสอง ที่ผ่านมายังไม่มีใครนำของมาแจกอาหารการกินก็ฝากเพื่อนบ้าน ที่ออกไปข้างนอกได้ซื้อมาให้ ลำบากมากน้ำดื่มก็อาศัยน้ำในบ่อที่ถูกน้ำท่วม
ทางด้านนายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอ สะเดา บอกว่า ตนเองได้ลงพื้นที่ตั้งแต่เริ่มมีสถานการณ์น้ำท่วม สะเดามี 9 ตำบล 12 ท้องถิ่น พื้นที่ประสบภัยมี 7 ตำบล 37 หมู่บ้าน 10 ชุมชน ประสบภัยจำนวน 3,901 ครัวเรือน ผู้ประสบภัย 12,860 คน
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงเป็นตำบลท่าโพธิ์ ซึ่งมีทั้งหมด 8 หมู่บ้าน ซึ่งเกือบถูกตัดขาดสำหรับการสัญจรระดับน้ำสูงประมาณ 1.2 เมตร หรือบางแห่งระดับน้ำสูงถึงหน้าอก น้ำเชี่ยวรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ต้องใช้รถของทหารและเรือเพื่อใช้ในการลำเลียงอพยพคน หรือขนส่งอาหาร และมีบางที่ที่น้ำท่วมสูงจนถึงชั้นสองของบ้าน
เรามีศูนย์อพยพอยู่ทุกท้องถิ่น มีครัวในแต่ละหมู่บ้าน เมื่อปรุงอาหารเสร็จก็จะไปแจกให้กับชาวบ้านที่ไม่ยอมออกมาจากพื้นที่ ซึ่งค่อนข้างยากลำบากในการส่งอาหาร หรือช่วยเหลือ ซึ่งหากชาวบ้านที่ประสบภัยอพยพมาอาศัยอยู่ในศูนย์ฯ ที่จัดไว้ก็จะได้รับอาหารครบทั้ง 3 มื้อ และจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องเวชภันฑ์ ยา มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ทั้งนี้คนที่ไม่ออกมามีจำนวนมากแม้จะมีการเตือนว่าน้ำจะขึ้นก็ไม่ฟัง พอถึงเวลา 3 ทุ่ม หรือเที่ยงคืน มีน้ำเพิ่มขึ้นและมีการขอความช่วยเหลือ ก็จะเกิดความยุ่งยากในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือหรือปฎิบัติงาน เพราะบางครั้งก็เกิดความเสี่ยงเพราะกระแสน้ำเชี่ยว อาจเกิดอุบัติเหตุ เป็นอันตรายในการปฎิบัติหน้าที่ได้ ทั้งนี้หากไม่มีปริมาณฝนตกเพิ่มคาดว่าประมาณ 7 วัน สถานการณ์ก็คงจะเข้าสู่ภาวะที่ปกติ
และในช่วงบ่ายวันนี้ที่ฌาปนกิจสถานศาลาแป๊ะกงสะเดา นายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา ยังได้เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ นายเทพดำรง รักษ์วงศ์ อายุ 31 ปี ซึ่งเสียชีวิตขณะลงพื้นที่กับเพื่อนๆในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองสะเดา ซึ่งนายอำเภอสะเดา ได้มอบเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวของนายเทพดำรงฯ จำนวน 10,000 บาท “นี่เป็นเงินเยียวยาเบื้องต้นที่นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบหมายให้ตนเองนำมามอบให้ หลังจากนี้จะมีเงินมาสมทบอีกจำนวนกว่า 4 หมื่นบาทในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้”
ด้านคุณสา อายุ 22 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตบอกว่า สามีเป็นคนที่มีจิตอาสาได้ร่วมกับเพื่อนๆไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) เวลาประมาณ 16.00 น. ตอนแรกหนูอยู่บนรถ ส่วนสามีลงไปช่วยเหลือที่น้ำท่วม หลังจากนั้นมีรถมาขอถ่ายทรายใส่รถหนูที่หนูพาไป หลังจากนั้นก็จะขนทรายเข้าไป ช่วงลงรถน้ำมีระดับสูง สักพักหนูก็เอะใจ แฟนหนูหายไปไหนจึงหันไปถามเพื่อนๆก็รีบลงไปดู
ซึ่งชาวบ้านบอกว่าเห็นว่าเหมือนเห็นคนเป็นลมจมน้ำ แต่ไม่มั่นใจว่าใช่มั๊ย ซึ่งหนูเอะใจว่าแฟนหนูมั๊ยเพราะแฟนมีโรคแบบอาการลมชัก ซึ่งไม่ได้มีอาการบ่อย แต่เข้าใจว่าอากาศเย็นเพราะแฟนออกมาช่วยตั้งแต่เช้า ตอนนั้นหนูก็เลยเดินหาเองจนไปเจอเค้าจมน้ำติดอยู่กับกิ่งไม้ มีเชือกพันอยู่ พบว่าเค้าเสียชีวิตแล้ว ซึ่งแฟนจะเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีเหตุที่ไหนก็จะไปตามที่เค้าช่วยได้ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ หนูไม่คิดว่าเหตุการณ์จะมาเกิดกับตัวหนูเหตุการณ์มันเร็วมากเลยจนหนูทำอะไรไม่ถูกเลย คุณสาฯบอกพร้อมทั้งน้ำตาคลอเบ้า” ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าของเพื่อนๆและชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมาร่วมพิธีรดน้ำศพจำนวนมาก
