สงขลา-สะเดา พระภิกษุลูกวัดม่วงก็อง พลาดท่าตกลงลำคลองใกล้ๆบริเวณวัด จมหายไปกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก กู้ภัยพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งค้นหา ครบ 1 วันยังไร้วี่แวว
30 พ.ย. 2567 นายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา พร้อมด้วย พ.อ.ธนพล นุ้ยสุข รอง ผบ.ฉก.ร.5 และกำลังพลจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปที่วัดม่วงก็อง ม. 7 ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อติดตามการค้นหาพระภิกษุ ซึ่งเป็นพระลูกวัดดังกล่าว ที่เกิดเสียหลักตกลงไปในน้ำและถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก พัดพาจมหายไปต่อหน้าต่อตาพระภิกษุอีกรูป ที่พยายามว่ายน้ำไปช่วย
พระปิยะพลฯ เห็นเหตุการณ์เเละพยายามช่วย
พระปิยะพลฯ ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า ขณะที่อาตมาลงไปในน้ำที่บริเวณท่าน้ำหลังกุฏิ เพื่อชำระล้างร่างกายหลัง จากที่ได้ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณโรงธรรม สังเกตเห็นพระสุกฤษฏ์ฯ มายืนอยู่ที่กำแพงปูนกั้นตลิ่ง ซึ่งถูกน้ำท่วมอยู่ ก่อนที่จะเห็นว่าเหมือนพระสุกฤษฎ์ฯ ตกลงไปในน้ำแล้วลักษณะเหมือนถูกกระชาก ท่าทางเหมือนจะจมน้ำก่อนที่จะโดนกระแสน้ำที่ไหลแรงพัดพาร่างไปกระแทกกับขอบกำแพง ซึ่งห่างจากที่ตกประมาณ 20 เมตร ได้ยินเสียงร้อง“โอ๊ย”
อาตมาเลยว่ายน้ำตามเพื่อที่จะทำการช่วยเหลือ แต่กระแสน้ำแรงมากตามไม่ทัน จึงว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง ส่วนพระสุกฤษฏ์ฯ ได้ถูกกระแสน้ำพัดออกไปไกลอาตมาได้ตะโกนให้พระสุกฤษฏ์ฯพยายามลอยตัวเพื่อที่จะว่ายน้ำไปอีกฝั่ง ได้ยินเสียงพระสุกฤษฏ์ฯบอกว่าช่วยที พร้อมหันหน้ามาก่อนร่างจะจมหายไป อาตมาเลยตะโกนให้คนมาช่วย ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่เจออีกเลย
ด้านสามเณร ธเนศ สีหานาม ซึ่งเห็นเหตุการณ์บอกว่า หลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกนขอคงามช่วยเหลือก็รีบวิ่งมา ทันเห็นแค่มือของ “หลวงชาย” (พระสุกฤษฏ์ฯ) ขณะที่ถูกกระแสน้ำพัดไปอยู่ระหว่างกลางลำน้ำแล้ว ก่อนที่จะจมหายไปในที่สุด
สามเณร ธเนศ สีหานาม ชี้จุดที่พระพระสุกฤษฏ์ฯ จมหายไป
โดยเหตุการณ์สลดครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 11.30 น.ของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยกู้ชีพฯได้ทำการค้นหา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน แต่การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะกระแสน้ำไหลแรง ลักษณะเป็นน้ำหมุน และพื้นที่กว้าง จนต้องยุติการค้นหาในเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันเดียวกัน
ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ได้มีทีมค้นหาซึ่งเป็นจิตอาสาฯได้นำเจ็ทสกี ออกทำการค้นหา ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรง แม้ระดับน้ำจะลดลงกว่าเมื่อวาน ซึ่งการค้นหายังไม่พบร่างพระสุกฤษฏ์ฯแต่อย่างใด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังติดต่อประสานงานกัน เพื่อดำเนินการค้นหาต่อไป
สำหรับพระสุกฤษฏ์ฯ อายุ 37 ปี บวชพระและมาจำพรรษาที่วัดม่วงก็องได้ประมาณ 9 เดือน มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี และชอบลงไปเล่นน้ำหรือชำระล้างร่ายกายในคลองแห่งนี้บ่อยๆ ในยามปกติ แต่ในครั้งนี้อาจเป็นอุบัติเหตุจนเกิดตกใจจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและต้านกระแสน้ำที่ไหลแรงไม่ได้ จนจมหายไปในที่สุด
