สงขลา-สะเดา ทางการมาเลเซียปล่อยตัว 11 คนไทยกลับประเทศ หลังจากถูกจับดำเนินคดีและคดีสิ้นสุด พบส่วนใหญ่เป็นความผิดตามกฎหมายยาเสพติด ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และทำการประมงรุกล้ำน่านน้ำ หนึ่งในทั้งหมดเป็นเด็กชาย อายุเพียง 12 ปี
31 ธันวาคม 2567 ที่ด่านพรมแดนสะเดา ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ชุดสืบสวนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศมาเลเซีย ได้นำตัว 11 คนไทย ( ผู้ชาย 9 ผู้หญิง 2 ) ซึ่งกระทำความผิดตามกฎหมายของประเทศมาเลเซีย ถูกดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ และคดีถึงที่สุด ก่อนได้รับการปล่อยตัว โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานประสานงานชายแดนไทยมาเลเซีย ทหาร ฉก.ร.5 ตชด.4304 และ ตม.จังหวัดสงขลา รอรับ
ซึ่งเมื่อคนไทยทั้งหมดเดินทางถึงด่านพรมแดนสะเดา โดยรถตู้ของทางการมาเลเซีย ได้ผ่านพิธีการของ ตม. เพื่อตรวจสอบว่าแต่ละคนมีแบล็กลิสต์ หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่ พร้อมทั้งมีการพูดคุยสอบถามรายละเอียดต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะอนุญาตให้เดินทางกลับภูมิลำเนาต่อไป
จากการสอบถามพบว่าแต่ละคนไปทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซีย และถูกจับดำเนินคดีในข้อหาต่างๆกัน เช่น นายเจ๊ะอุเซ็งฯ อายุ 30 ปี และนาย อาดูนังฯอายุ 40 ปี ชาวจังหวัดปัตตานี ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับการลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายชาวเมียนมาร์เข้าไปในประเทศมาเลเซีย ผ่านทางปาดังเบซาร์ ถูกกักขังนานประมาณ 3 ปี
สำหรับคู่สามีภรรยา นาย ปกรณ์ฯ อายุ 30 ปี กับ นางสาว สุพรรณีฯ อายุ 34 ปี พร้อมด้วยเด็กชาย รัชชานนท์ฯ อายุ 12 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล ถูกจับในข้อกล่าวหาทำการประมงรุกล้ำน่านน้ำประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ทางด้าน นาย นฤนนท์ ฮะยีบิลัง กำนันตำบลตันหยงโป ที่เดินทางมารับตัวลูกบ้านซึ่งได้รับการปล่อยตัวในข้อกล่าวหาทำการประมงรุกล้ำน่านน้ำประเทศมาเลเซีย บอกว่า ที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ลูกบ้านถูกจับดำเนินคดีในลักษณะนี้ ซึ่งได้มีการแจ้งเตือนลูกบ้านที่ทำอาชีพประมงให้ระมัดระวังในการรุกล้ำ แต่ยอมรับว่าค่อนข้างลำบากเพราะในทะเลไม่มีเขต หรือมุมมองให้สังเกตุว่านี่คือฝั่งมาเลย์ นี่ฝั่งไทย นอกจากหน่วยงานเท่านั้นที่จะรู้พิกัด แต่ว่าชาวบ้านตาดำๆจะไม่รู้
นอกจากนี้ก็ยังมีคนไทยที่ถูกจับดำเนินในคดีอื่นๆ เช่น ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ( เสพยาบ้า ) หลบหนีเข้าเมือง หรือหนังสือเดินทางหมดอายุ ซึ่งหลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และจะไม่ขอกลับไปทำผิดกฎหมายของประเทศมาเลเซียอีก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: