สงขลา – สะเดา นายอำเภอสะเดาทำหนังสือด่วน เชิญหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมแก้ปัญหาด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย หลังเหตุการณ์กลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง และมวลชน ทำการปิดรั้วกั้นช่องทางเข้าออกชายแดน ทางฝั่งประเทศมาเลเซีย เบื้องต้นฝ่ายมาเลเซียไม่ติดใจ เพราะเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
18 ก.พ. 62 ที่ห้องประชุมผาดำ อ.สะเดา จ.สงขลา ได้มีการประชุมร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย หลังเหตุการณ์กลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง และมวลชน ทำการปิดรั้วกั้นช่องทางเข้าออกชายแดน ทางฝั่งประเทศมาเลเซีย ไม่ให้รถหรือคนเข้าออก เป็นเวลาประมาณ 15 นาที จนเกิดความโกลาหลช่วงก่อนเที่ยงวานนี้ หลังจากเกิดความไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จราจร มาเลเซียซึ่งปฏิบัติหน้าที่ อยู่บริเวณหน้าห้างดิวตี้ฟรีฝั่งประเทศมาเลเซีย โดยอ้างว่าไม่อนุญาตให้ไปส่งผู้โดยสารชาวไทย ที่จะเดินทางเข้าไปที่ด่าน ตม.มาเลเซีย เพื่อนำหนังสือผ่านแดนผ่านพิธีการ ตม.และจะเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียโดยมีนายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอสะเดาเป็นประธาน ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย พ.อ.เสฎฐวุฒิ จันทนะ รอง หน.สน.ปทม. พ.ต.อ.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผกก.ตม. จว.สงขลา นายธีระยุทธ นาวีเดล ปลัดอาวุโส อำเภอสะเดา ทหาร ตำรวจ ศุลกากร และฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 20 คน ในระหว่างการประชุมดังกล่าว ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชลเข้าไปสังเกตุการณ์แต่อย่างใด ซึ่งใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
นายธีระยุทธ นาวีเดล ปลัดอาวุโสอำเภอสะเดา บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ ทางตัวแทนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายไทย ได้ไปเจรจากับหัวหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการประเทศมาเลเซีย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผลสรุปทั้งเมื่อวานและวันนี้คือ ประเด็นที่ 1 ขั้นต้นฝ่ายมาเลเซียในระดับท้องถิ่นไม่ได้ติดใจ เพราะเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยได้รายงานหน่วยเหนือไปว่าเป็นการกระทำของชายที่ไร้สติ ในการปิดรั้วโดยพลการ ซึ่งส่วนนี้ทางฝ่ายไทยได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุจำนวน 5 คนไปเปรียบเทียบปรับแล้วในข้อหา สร้างความรำคาญ สร้างความวุ่นวายในที่สาธารณะ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร มาเลเซีย ที่ถูกกล่าวถึง ทางผู้บังคับบัญชาได้เรียกไปพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงแล้วประเด็นที่ 2 สำหรับพื้นที่ระหว่างชายแดนรั้วกำแพงทั้งฝ่ายมาเลเซีย และฝ่ายไทย หรือที่เรียกว่าโนแมนสแลนด์ (NO Man’s Land ) ที่ผ่านมาทางมาเลเซียได้อนุญาตให้รถแท็กซี่ของประเทศมาเลเซีย มาจอดเพื่อรอรับผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าประเทศ ส่วนทางฝ่ายไทยก็อนุญาตให้วินจักรยานยนต์ไปจอด เพื่อรอรับผู้โดยสารที่จะเข้าไปจ๊อบหนังสือเดินทางที่ด่าน ตม.ประเทศมาเลเซีย หรือรับผู้โดยสารที่จะไปช้อปปิ้ง ที่ห้างดิวตี้ฟรี ประเทศมาเลเซีย หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ก็มีความคิดตรงกันว่า พื้นที่ตรงนั้นน่าจะเป็นพื้นที่โล่งเพื่อเป็นการป้องกันการกระทำความผิดต่างๆ จึงจะต้องขยับขยายหรือหาพื้นที่ใหม่เพื่อให้วินจักรยานยนต์ไปจอด ส่วนทางมาเลเซียก็จะไม่ให้แท็กซี่มาจอดด้วยเช่นกัน
ส่วนประเด็นที่ 3.ในเรื่องการจ๊อบหรือตรวจหนังสือเดินทาง มีความเห็นตรงกันว่าทุกครั้ง ที่มีการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรไม่ว่าไทย หรือมาเลเซีย จะต้องจ๊อบหนังสือเดินทางทุกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบ เข้า-ออก ของผู้ที่กระทำความผิด หรือหลบหนีคดีต่างๆด้าน พ.ต.อ.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผกก.ตม.จว.สงขลา บอกว่าในขณะนี้ ทาง ตม.ได้อะลุ่มอล่วยให้กับผู้ที่เดินทางเข้า- ออก ด่านพรมแดนหลายๆครั้งในแต่ละวัน อย่างเช่นวินจักรยานยนต์รับจ้างโดยให้ทางกลุ่มวิน ทำบันทึกหลักฐานมาให้ชัดเจนว่ามีจำนวนกี่คัน ซึ่งจะให้จ๊อบหนังสือเดินทางออกครั้งแรกตอนเช้า แล้วค่อยมาจ๊อบเข้าอีกครั้งในตอนเย็น ไม่ต้องจ๊อบทุกครั้งที่ออกหรือเข้า ส่วนผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปดิวตี้ฟรีต้องจ๊อบหนังสือเดินทางตามปกติ คือจ๊อบออกที่ด่านฯของไทย ไปซื้อของเสร็จก็กลับมาจ๊อบฯเข้าที่ด่านไทย ทั้งนี้ไม่ต้องไปจ๊อบฯที่ด่าน ตม.มาเลเซียแต่อย่างใด ซึ่งมาตรการทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ที่ต้องปฏิบัติตาม ในอนาคตอาจะมีการอะลุ่มอล่วย หรือผ่อนคลาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงยังต้องเน้นเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: