สงขลา-สะเดา หนุ่มบัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ชาวจังหวัดสงขลา ฉีกแนวปลูกองุ่นไร้เมล็ด ประสบความสำเร็จเป็นแปลงใหญ่เจ้าแรกในภาคใต้ นักท่องเที่ยวแห่ชมสวนคึกคัก สร้างรายได้กว่าวันละ 2 หมื่นบาท เตรียมขยับปลูกเพิ่มอีกกว่า 5 ไร่นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างหลั่งใหล เข้าชมสวนองุ่น “ บ้านสวนองุ่นธัญฑิตา ” ตั้งอยู่ที่ บ.ห้วยบอน ม.6 ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนองุ่นของนาย เลอศักดิ์ วิไลกูล อายุ 27 ปี ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย ที่เข้ามาชมสวนและชวนกันถ่ายรูปเซลฟี่อย่างมีความสุขนางยุ๊กหมุ้ย วิไลกูล อายุ 50 ปี แม่เจ้าของสวนองุ่นบอกว่า ลูกชายคือนาย เลอศักดิ์ วิไลกูล เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อกลับมาอยู่บ้านพบกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะราคายางพารา ที่เป็นรายได้หลักของคนส่วนใหญ่ในภาคใต้ จึงได้ปรึกษาคุณพ่อและคุณแม่ เพื่อลองทำสวนองุ่น ซึ่งคุณแม่ก็มีความชอบ และอยากจะทำสวนองุ่นอยู่แล้ว จึงเริ่มทดลองปลูก เริ่มแรกเพียงสองต้น ซึ่งตายไป 1 ต้น เหลือเพียง 1 ต้น และให้ผลผลิตได้ ลูกชายจึงหาความรู้เพิ่มเติมจากสื่อต่างๆ แล้วลงมืออย่างจริงจัง โดยการสร้างโรงเรือนแบบมีหลังคาโดมกันฝน และครอบมุ้งหรือตาข่ายกันแมลง ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ รวม 15 โรงเรือน เป็นแปลงใหญ่ที่สุดในภาคใต้เจ้าแรกปลูกองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์เฟรมซีดเรส พันธุ์รูทเพอเลส และพันธุ์บิวตี้ซีดเลส หรือองุ่นไร้เมล็ด ระยะเวลาจากเริ่มปลูก 1 ปี 4 เดือน ถึงจะได้รับผลผลิต ผลองุ่นมีรสชาติ หวาน กรอบ และหอมตามสายพันธ์ุ ส่วนการดูแลนับว่าองุ่นเป็นพืชที่ดูแลยาก ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะต้องต่อสู้กับสภาพอากาศในภาคใต้ โดยเริ่มปลูกตั้งแต่ปลายปี 2559 จนต้นองุ่นมีความสมบูรณ์แข็งแรง จนสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจเข้าชมสวนได้ เป็นครั้งแรก เมื่อต้นเดือน ธ.ค. 2560 ซึ่งปัจจุบันนี้เปิดให้ชมเป็นรอบที่ 4 ระหว่างวันที่ 31มีนาคม – 28 เมษายน สำหรับรอบที่ 5 จะเปิดประมาณเดือน กันยายน 2562นางยุ๊กหมุ้ย วิไลกูล บอกว่านักท่องเที่ยวที่เข้าชมสวนองุ่น ส่วนใหญ่จะมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากครั้งแรกที่เปิดให้ชม มีเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานที่นั่นมาชมสวน และถ่ายภาพลงสื่อโซเชียล ทำให้ผู้ที่ติดตามเห็น และบอกกันปากต่อปาก และต่างพากันมาชม พร้อมกับถ่ายรูปอย่างมีความสุข ซึ่งเปิดให้ชมสวนเวลาประมาณ 09.00 น.- 18.00 น. เก็บเงินคนละ 20 บาท ( หยุดวันพฤหัสบดี ) มีข้อปฎิบัติคือ 1.ห้ามสัมผัสหรือจับผลผลิตโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจจะทำให้ผลองุ่นช้ำ 2.ห้ามเข้าใกล้โคนต้นระยะ 1 เมตร อยากให้นักท่องเที่ยวทุกท่านเดินตรงกลาง เพราะบริเวณโคนต้นองุ่นคือรากอ่อน ถ้าเกิดเหยียบเข้าอาจทำให้ต้นตายได้ 3.ห้ามวิ่งเล่นในแปลงโดยเด็ดขาดส่วนผลผลิตองุ่นมีจำหน่ายที่หน้าสวนเท่านั้น ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท แม้องุ่นบางพันธุ์จะมีราคาสูง ถึงกิโลกรัมละ 300-400 บาท ก็ตาม ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวในสวน สามารถซื้อกินได้ ทำให้ทางสวนมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 15,000 – 30,000 บาท ต่อวัน หรืออาจมากกว่านั้นในช่วงวันหยุด และเทศกาล หลังจากหักลบค่าใช้จ่ายแล้วถือว่าอยู่ได้ ทั้งนี้เพราะองุ่นเป็นพืชที่มีค่าการดูแลบำรุงรักษาสูง ซึ่งทางสวนกำลังขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีกที่บางกล่ำจำนวน 5 ไร่ และจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ในอนาคตต่อไป ( สนใจโทรติดต่อ 087 2872 045 )
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: