สงขลา – สะเดา ตลาดดอกดาวเรืองยังสามารถไปได้เรื่อยๆ แม้จะไม่หวือหวา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ซบเซา แต่สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกดอกดาวเรืองที่ปาดังเบซาร์ ยังคงมีรายได้เป็นที่น่าพอใจ แม้ราคาจะตกต่ำกว่าที่ผ่านๆมาไม้ดอกอย่างดาวเรือง ยังเป็นพืชหรือพันธุ์ไม้ดอกที่สร้างรายได้ ให้กับผู้ที่ปลูกตลอดมา เพราะดอกดาวเรืองสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี และเก็บหรือตัดดอกขายได้ทุกวัน ซึ่งในสังคมไทยดอกดาวเรืองถูกนำมาใช้ทำพวงมาลัย บูชาพระ หรือจัดพานประดับต่างๆได้เกือบทุกงาน รวมถึงในงานมงคลต่างๆ เช่นขึ้นบ้านใหม่ เปิดร้านหรือบริษัท ด้วยที่มีชื่อเป็นมงคลนั่นเอง
นายอรัญ สุวรรณรักษา เจ้าของสวนดอกดาวเรือง ที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นผู้ปลูกดอกดาวเรืองรายใหญ่บอกว่า ก่อนหน้านี้เคยปลูกดอกดาวเรืองเพื่อส่งขายเป็นกระถาง แต่ตลาดไม่ค่อยนิยมมากนัก จึงหันมาตัดดอกขายเหมือนตอนแรกเริ่มที่ปลูก ซึ่งการตลาดไปได้ดีกว่า โดยค้นพบว่าดาวเรืองพันธุ์ปริ๊นซ์ เยลโล่ ที่ปลูกไว้สำหรับขายเป็นกระถาง สามารถตัดดอกขายได้เป็นอย่างดีตอนแรกจะทำเป็นไม้กระถาง แต่ปรากฏว่าไม่เป็นไปตามเป้า ก็เลยหันมาตัดดอกขาย ซึ่งพบว่าดอกดาวเรืองพันธุ์ปริ๊นซ์ เยลโล่ มีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ ดอกใหญ่ ดอกดก โดนฝนดอกไม่หัก กลีบดอกไม่ช้ำ และต้นเตี้ย ที่สำคัญยิ่งตัดดอก กิ่งดาวเรืองยิ่งแตกใหม่ ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้งมากแต่จากที่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมตกต่ำ ก็มีผลทำให้กลุ่มผู้ค้าลดลง ตนเองเลยเปลี่ยนจากที่ส่งดอกดาวเรือง ให้กับพ่อค้าแม่ค้าหลายๆเจ้า ก็มาส่งเพียงสองเจ้าในปัจจุบันมีที่ อ.สะเดา และใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แม้ราคาจะลดลงจากที่ดอกขนาดจัมโบ้ ราคา 1.70 บาท เป็น 1.50 บาท หรือดอกขนาดใหญ่ จากราคา 1.40 บาท เป็น 1.30 บาท ตามลำดับ แต่ก็ยังสามารถทำเงินได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญกว่านั้น มีเท่าไหร่พ่อค้าเอาหมดดอกดาวเรืองพันธุ์ปริ๊นซ์ เยลโล่ ที่ปลูกไว้และกำลังตัดดอกขายในปัจจุบัน มีจำนวน 5,000 ต้น ตัดดอกขายมาแล้วหลายครั้งมาก ซึ่งทำเงินได้กว่า 80,000 บาท โดยการตัด 3 วันครั้ง ขณะนี้ปลูกเพิ่มเติมแล้วอีก 8,000 ต้น และอีก 8,000 ต้น กำลังเพาะใหม่ ซึ่งทิศทางของดอกดาวเรืองยังไปได้เรื่อยๆ ไม่เหมือนกับดอกไม้อื่นๆ นายอรัญฯ บอก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: