สงขลา –สะเดา กรณีพ่อค้า แม่ค้าคนไทย 21 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย จับกุมตัวในข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงาน “ Work Permit ”บริเวณ “พลาซ่า ปาดังแวร์มาร์ท” รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ คาดปล่อยตัวไม่เกิน 2 อาทิตย์25 ต.ค. 62 จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 62 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย ได้ทำการจับกุมคนไทยที่เข้าไปทำการค้าขายโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือ “ เวิร์ค เพอร์มิต ” ( Work Permit ) ที่บริเวณ”พลาซ่า ปาดังแวร์มาร์ท” (Padang Waremart) รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นจุดขายสินค้าบริเวณด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 33 คน และได้มีการปล่อยตัวกลุ่มผู้ถูกจับกุมแล้วบางส่วน เนื่องจากได้มีการจ่ายค่าปรับไปแล้ว และยังมีผู้ถูกควบคุมตัวอีก จำนวน 21 คน เป็นผู้ชาย 5 คน และเป็นผู้หญิง 16 คน
โดยจุดดังกล่าวเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้า ที่กลุ่มคนไทยได้เข้าไปเช่าร้านค้า ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของชาวมาเลเซีย เพื่อทำการค้าขาย เดือนละ 400 – 500 ริงกิต เปิดร้านขายสินค้าต่างๆเช่น ขนมปี๊บ เครื่องแกง ปลากรอบ เครื่องครัวต่างๆ และเสื้อผ้า โดยใช้ชื่อของชาวมาเลเซีย ทำให้ไม่สามารถทำ “ เวิร์ค เพอร์มิต ”ได้ เนื่องจากไม่ได้มีทะเบียนร้านเป็นของตนเอง ซึ่งทุกคนมีเพียงหนังสือเดินทาง ( Passport ) และหนังสือผ่านแดน ( Border Pass ) เท่านั้นซึ่งล่าสุดเมื่อ 24 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.30 น. นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอสะเดา ร่วมกับนายรัชฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง และ พ.อ.สิรภพ ศุภวานิช หน.สำนักงานประสานงานไทย-มาเลเซีย ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือคนไทย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียจับกุมตัว ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย รัฐเปอร์ลิส ( Complex Kementerian Dalam Negeri Perlis ) เมือง Kangar ประเทศมาเลเซียจากการประชุมปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายมาเลเซีย สรุปได้ว่า ข้อหาการไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีอัตราโทษปรับตั้งแต่ 300 – 3,000 ริงกิต ทางฝ่ายมาเลเซียจะดำเนินการปรับ ในอัตราโทษขั้นต่ำสุด คือ 300 ริงกิต (คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 2,175 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน 7.25 บาท ต่อ 1 ริงกิต ณ วันที่ 24 ต.ค. 62 ) โดยกระบวนการหลังจากนี้ ซึ่งได้มีการส่งสำนวนไปยังอัยการแล้วนั้น อัยการจะได้ส่งเรื่องไปให้ศาล เพื่อทำการสอบสวนและพิจารณาปรับต่อไป คาดว่าไม่เกิน 2 อาทิตย์จะแล้วเสร็จพร้อมทั้งส่งตัวคนไทยกลับ ซึ่งคนไทยทั้งหมดที่ถูกดำเนินคดีแล้วเสร็จ จะติด Blacklist เป็นเวลา 2 ปี ในการห้ามเข้าประเทศ
สำหรับการดำเนินการจับกุมคนไทยครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลชุดเก่า เป็นรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งรัฐบาลชุดเก่าที่ผ่านมา มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวชายแดน จึงมีการผ่อนปรนการจำหน่ายสินค้า แต่เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ได้มีนโยบายเน้นการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ
ประกอบกับ เมื่อ วันที่ 18 ตุลาคม 2562 คณะกรรมาธิการต่อต้านการคอร์รัปชั่นมาเลเซีย (Malaysia Aniti -Corruption Comission; MACC ) แถลงข่าวตำหนิ เจ้าหน้าที่ของมาเลเซียบริเวณชายแดนรัฐเปอร์ลิส ปล่อยให้มีการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี ข้ามพรมแดนเข้าประเทศไทย พร้อมมีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกไว้ในช่วงตั้งแต่ ต.ค.60 – พ.ค.62 และมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการที่ชาวมาเลเซีย มีจำนวนผู้ว่างงานจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของการเข้มงวดกวดขัน และการจับกุมในครั้งนี้
ข่าวน่าสนใจ:
- เตือนชาวบ้านอย่าตกเป็นเครื่องมือคนร้ายที่พยายามสร้างความขัดแย้งในพื้นที่
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
- สงขลา M79 ถล่มเเคมป์คนงานสร้างเจ้าแม่กวนอิม บาดเจ็บ 3 ราย พื้นที่ อ.เทพา
- “ไพเจน” ส่งจดหมายเปิดผนึกยุติลงชิงนายก อบจ.สงขลา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: