นครศรีธรรมราช : ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งเร่งสอบพื้นที่ป่าสงวน’ป่าเขาขาว’ พร้อมขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจ หลังถูกนายทุนบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า เตรียมปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน จี้ ทุกฝ่ายหาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
วันที่ 23 มกราคม 2566 นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช, พันเอกศุภชัย ปรีชามาตร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด, นายยรรยงค์ อินทฤทธิ์ ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้อง หารือแนวทางการแก้ไขปัญหา การเข้าบุกรุกที่ป่าสงวนเขาขาว ใน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช หลังมีการเผยแพร่ภาพมุมสูงของภูเขา ที่มีสภาพโล่งเตียน ต้นไม้น้อยใหญ่ถูกตัดโค่นแผ้วถางทำลายจนหมดสิ้นนับร้อยไร่ ไม่เหลือความอุดมสมบูรณ์ จากที่เคยเป็นป่าต้นน้ำในพื้นที่
ภาพดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง โดยนักบินของ สำนักงานการบิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ขึ้นบินสำรวจตรวจสอบพื้นที่ป่าภูเขาใน อ.บางขัน หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า พื้นที่ป่าในบริเวณดังกล่าว มีนายทุนใหญ่บุกรุกเพื่อจะยึดครองพื้นที่ ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน
จากการบินสำรวจพบว่า ผืนป่าป่าไม้ธรรมชาติบนภูเขาสูงที่อุดมสมบูรณ์ กลายเป็นพื้นที่โล่งเตียนอยู่ใจกลางหุบเขา กินบริเวณกว้างหลายร้อยไร่ และมีแนวโน้มขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยเส้นทางการนำเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ขึ้นไปบนภูเขา รวมถึงการนำไม้ซุงออกมาจากพื้นที่ด้วย ซึ่งคาดว่าทำกันเป็นขบวนการ
นายอภินันท์ ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าภูเขาสูงชัน มีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ ไม่น่าจะเป็นพื้นที่ที่สามารถจัดสรรให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยทำกินได้ ซึ่งในวันนี้ตนเองจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ สำรวจจุดที่ถูกบุกรุกด้วยตัวเอง หากพบว่าเป็นการกระทำผิด โดยการเข้าไปบุกรุกป่าอย่างผิดกฎหมาย จะต้องสืบสวนหาตัวผู้บุกรุกและผู้ที่เกี่ยวข้อง มาดำเนินคดีให้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุปให้ กอ.รมน.จว.นศ. เป็นเจ้าภาพหลัก บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ พร้อมให้กำหนดเป็นวาระติดตามในที่ประชุม คณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดและอำเภอทุกเดือน โดยให้นายอำเภอทุกอำเภอ กำชับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจตราดูแลพื้นที่ กรณีเกิดคดีที่สำคัญในพื้นที่ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขึ้นมาทันที และทุกคดีให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมถึงเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สืบสวน และให้ข้อเท็จจริง ต่อพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
