ชาวบ้านบึงนคร หัวหิน ร้องคัดค้าน!! ทหารสำรวจพื้นที่กว่า 1 แสนไร่ ออก น.ส.ล.
ชาวบ้านตำบลบึงนคร อำเภอหัวหิน กว่า 2,000 คน ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรม อบต.บึงนคร กรณีศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ จะนำที่ดินพื้นที่วิกฤต (พื้นที่มีความจำเป็นต่อการฝึกและยิงปืนด้วยกระสุนจริง) 120,000 ไร่ ใน 9 หมู่บ้านของตำบลบึงนคร มาสำรวจออกเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง( น.ส.ล.)
วันที่ 31 กรกฏาคม 2561 ที่สำนักสงฆ์บ้านห้วยไคร้ ต.บึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายศึกฤทธิ์ เต็มฟอม นายก อบต.บึงนคร พร้อมเจ้าหน้าที่ ฯ ได้มารับคำร้องของชาวบ้านบึงนคร 9 หมู่บ้าน กว่า 2,000 คน ที่เข้ามาเขียนแบบฟอร์มการร้องทุกข์ ผ่านศูนย์ดำรงธรรม อบต.บึงนคร หลังจากทราบว่าทางค่ายธนะรัชต์ ปราณบุรี จะมีแผนสำรวจที่ดินใน 9 หมู่บ้าน จำนวน 120,000 ไร่ นำมาออกเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง( น.ส.ล.) ของศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ โดยได้มีการเชิญนายก อบต.บึงนคร กำนันตำบลบึงนคร และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ไประชุม ณ ค่ายธนะรัชต์ (เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561)ที่ผ่านมา
โดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ต่างมีความวิตกกังวลว่าจะไม่มีสิทธิ์ในที่ดินทำกินหากมีการดำเนินการของทางทหาร อีกทั้งที่ผ่านมาได้เข้ามาอยู่อาศัย และทำการเกษตรมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปีแล้ว จึงพากันเดินทางมายื่นหนังสือคัดค้าน พร้อมนำบัตรประชาชนมาถ่ายสำเนาเอกสาร รับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมกรอกแบบฟอร์มการร้องทุกข์ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ในตำบลบึงนคร อำเภอหัวหินและขอให้ทาง อบต.บึงนคร ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนและขอให้ระงับการนำพื้นที่ดังกล่าวไปสำรวจและออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(น.ส.ล.)
ด้านนายศึกฤทธิ์ เต็มฟอม นายก อบต.บึงนคร กล่าวว่ากล่าวว่าในพื้นที่ 9 หมู่บ้าน ที่ทางทหารแจ้งนั้นมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 4,000 คน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร และเลี้ยงสัตว์ โดยทาง อบต.บึงนคร ซึ่งเป็นศูนย์ดำรงธรรม เมื่อชาวบ้านมาร้องขอความเป็นธรรม ก็ต้องรับเรื่องเอาไว้ ซึ่งวันนี้มีชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่กว่า 2,000 คนมากรอกแบบฟอร์มหนังสือร้องทุกข์ ไว้แล้ว โดยคาดว่าจะมีชาวบ้านบางส่วน มาไม่ทันมายื่นหนังสือคัดค้านเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะมายื่นหนังสือเพิ่มเติมอีก
อย่างไรก็ตาม นายก อบต.บึงนคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ยังได้ชี้แจงทำความเข้าใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน และขอร้องหากมีเจ้าหน้าที่มาทำการสำรวจพื้นที่ ก็ขอให้อย่างได้ไปขัดขวางให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไป ที่ผ่านมาหน่วยงานทั้งทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้มาชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่แต่อย่างใด
เบื้องต้น หลังจากรวบรวมเอกสารการร้องทุกข์ของชาวบ้าน ก็จะนำส่งมอบให้ทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหัวหิน และศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และส่วนสุดท้ายคือศูนย์ดำรงธรรมของทำเนียบรัฐบาล ต่อไปเพื่อให้ทางหน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินในเขตปลอดภัยทางราชการทหาร และต่อมามาขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ และตอนนี้จะมาออกเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(น.ส.ล.) ให้ช่วยเหลือรวมทั้งหาหาทางออกให้กับชาวบ้าน เนื่องจากชาวบ้านได้อาศัยและทำกินบางครอบครัวอยู่กันมาตั้งแต่ 10จนถึง 40 ปีแล้วก็มี
ด้านนายจันทร์ บางจิต กำนันตำบลบึงนคร กล่าวว่า การสำรวจขอขึ้นเป็นพื้นที่หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง( น.ส.ล. ) ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใน 9 หมู่บ้านของตำบลบึงนคร ซึ่งทางคณะทำงานประสานการจัดการที่ดินของ กองทัพบก ได้เร่งรัดให้ทาง ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ,มณฑลทหารบกที่ 15 และหน่วยงานเกี่ยวข้องฯลฯ เร่งสำรวจพื้นที่และรังวัดให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 3 เดือน สำหรับหมู่บ้านที่อยู่ในข่าย หมู่ 1 บ้านหนองหินใน,หมู่2 บ้านเนินพะยอม,หมู่ 3 บ้านห้วยไคร้ หมู่ 4 บ้านเนินทราย,หมู่ 5 บ้านท่าไม้ลาย,หมู่ 7 บ้านวังสาหร่าย,หมู่ หมู่ 9 บ้านภูหลวง ,หมู่ 10 บ้านทุ่งกระทิง, หมู่ 12 บ้านทรายทอง สำหรับปัญหาดังกล่าวตนเองจะนำเรื่องเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอหัวหินในวันประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต่อไปในเดือนสิงหาคม นี้
ขณะเดียวกันพลตรีองอาจ คุลี หัวหน้าคณะทำงานประสานการจัดการที่ดินของ กองทัพบก กล่าวว่าได้เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ในเรื่องต่างๆในวันดังกล่าว 3 เรื่อง รวมทั้งการสำรวจที่ดินในพื้นที่ตำบลบึงนคร บางส่วนที่จะมีการดำเนินการสำรวจรังวัดขอออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ( น.ส.ล.) ยืนยันว่าทางทหารไม่ได้ไปยึดคืนซึ่งในตำบลบึงนคร เป็นพื้นที่เขตปลอดภัยในราชการทหาร เพียงแต่ขอให้ขั้นตอนต่างๆดำเนินการให้เป็นเป็นไปตามกฎหมาย ตามนโยบายรัฐบาล และกองทัพบก ประชาชนที่มีเอกสารสิทธิ์ก็สามารถนำมาแสดง ส่วนที่ไม่มีก็ต้องมาพิสูจน์จากหลักฐานอื่นๆประกอบว่าเข้ามาอยู่อาศัยในช่วงปีไหน ซึ่งทางศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ และ มณฑลทหารบกที่ 15 ก็ต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ซึ่งตนเองให้นโยบายไปแล้วว่าภายใน 3 เดือนต้องมีความคืบหน้า
