กลุ่มประมงเรือเล็กบ้านหัวดอน ร่วมกันจัดตั้งธนาคารปูม้า นำปูม้าไข่นอกกระดองมาฟักในระยะสั้นก่อนนำไปปล่อยลงทะเล หวังเป็นพลังเล็กในการช่วยฟื้นฟูทะเลหัวหิน เพิ่มปริมาณและขนาดปูม้าให้มากขึ้น สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับชาวประมง
ที่ท่าเรืออ่าวหัวดอน ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองหัวหิน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการธนาคารปูม้าของ กลุ่มประมงเรือเล็กบ้านหัวดอน ซึ่งได้รวมกลุ่มชาวประมงเรือเล็ก ชาวประมงพื้นบ้าน ร่วมกันจัดตั้งธนาคารปูม้า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการทำประมงอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูทะเลหัวหิน ซึ่งเป็นแหล่งทำมาหากินให้กับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โดยในครั้งนี้ นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ดูกระบวนการ ฟักไข่ปูม้าระยะสั้น ของปูม้าไข่นอกกระดอง ที่ชาวประมงจับได้ และนำมาให้ทางกลุ่ม และร่วมกันลงเรือประมงไปปล่อยลูกปูม้าที่ฟักเป็นตัวอ่อนขนาดเล็กแล้วในทะเลหน้าอ่าวหัวดอน เพื่อให้ลูกปูเหล่านี้ เติบโตตามธรรมชาติ เพิ่มจำนวนมากขึ้น สร้างสมดุลให้ท้องทะเล และกลับมาเป็นอาหารให้กับมนุษย์ต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
นายรัตนะ สนใจ อายุ 36 ปี ผู้ดูแลธนาคารปูม้าบ้านหัวดอน หรือ นายธนาคารปูม้า เล่าว่า ทำอาชีพประมงมานานตั้งแต่รุ่นพ่อแม่หลายสิบปี พบว่าปริมาณปูม้าที่จับได้เริ่มลดลง และมีขนาดเล็กลง สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการทำประมงโดยขาดความรู้ที่เหมาะสมและการใช้เครื่องมือทางการประมงของชาวประมงที่ไม่สามารถคัดแยกขนาดของปูได้ จับอะไรขึ้นมาได้ก็ขายหมด แทนที่จะนำปูตัวเล็กปล่อยคืนสู่ท้องทะเล เพื่อให้เติบโตออกลูกหลานต่อไป ขาดการดูแลรักษาธรรมชาติ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ก็จะไม่มีปูม้าให้จับ อาชีพชาวประมงก็จะเดือดร้อน
กลุ่มชาวประมงเรือเล็กบ้านหัวดอนซึ่งมีเรือประมงเกือบ 30 ลำ จึงได้รวมตัวกันสร้างธนาคารปูม้า โดยมีเทศบาลเมืองหัวหิน เป็นพี่เลี้ยง พาไปศึกษาดูงานตามธนาคารปูม้าที่ต่างๆ เพื่อนำมาแนวทางการจัดตั้งธนาคารปูม้าให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของตน
สำหรับขั้นตอนของธนาคารปูม้าบ้านหัวดอน จะรับปูม้าไข่นอกกระดองที่ชาวประมงจับได้ในช่วงเย็น และนำมามอบให้ นำมาฟักในบ่อ ซึ่งเรียกว่าการ เขี่ยไข่ เมื่อปูม้าเขี่ยไข่ จะฟักเป็นตัวอ่อนขนาดเล็ก โดยแม่ปู 1 ตัว จะสามารถฟักไข่ได้ประมาณ 700,000 – 1,000,000 ตัว จากนั้นในช่วงเช้าจะนำลูกปูไปในทะเล หากปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้ ลูกปูจะตาย จากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการอัตราการรอดชีวิตของลูกปูม้าที่ปล่อยออกไป จะอยู่ที่ 1% ซึ่งอาจจะมองว่าน้อยมาก แต่เมื่อคำนวณดูจะพบว่า รอดชีวิตถึง 7,000 – 10,000 ตัว คิดเป็นน้ำหนัก 7-10 ตัว/กิโลกรัม จะเท่ากับ ปูม้า 1 ตันทีเดียว ตอนนี้ในทุกวันจะมีชาวประมงหมุนเวียนนำปูม้าไข่นอกกระดองมาให้ธนาคารปูวันละ 5-6 ลำ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากไม่มีอุปสรรคเรื่องน้ำเสียเข้ามา เชื่อว่าอนาคตปูม้าจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และเป็นแนวทางการทำประมงที่ยั่งยืน
นางบุญญสิริย์ หอมเนียม ชาวประมงบ้านหัวดอน เล่าว่า เห็นด้วยกับการจัดตั้งธนาคารปูม้า จะเป็นการเพิ่มปริมาณปูม้าในทะเล จากเดิมที่เคยจับปูม้าได้ปีละสองหมื่นตัน แต่ปัจจุบันเหลือไม่ถึงหมื่นตัน ลดลงกว่าครึ่ง ทำให้ต้องมานั่งคุยกันว่า สาเหตุเกิดจากอะไร หากปล่อยเป็นเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่ออาชีพชาวประมง การจัดตั้งธนาคารปู ด้วยการนำปูไข่นอกกระดองมาฟักระยะสั้นก่อนนำไปปล่อย จึงเป็นทางออกหนึ่ง แม้อัตราการรอดชีวิตจะมีแค่ 1% แต่เมื่อคำนวนออกมาถือว่าเป็นปริมาณมหาศาล และการทำประมงที่ยั่งยืน เพิ่มทรัพยากรปูให้มากขึ้น
โดยเฉพาะเมืองหัวหิน มีความต้องการบริโภคปูม้าจำนวนมาก ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลบางครั้งราคาปูม้าพุ่งสูงไปถึงกิโลกรัมละ 800 บาท ทีเดียว หากมีปูเพิ่มจำนวนมากขึ้น ราคาก็ไม่พุ่งขึ้นไป นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกินได้ โดยปูที่ปล่อยออกไปจะใช้เวลาในการเจริญเติบโตสามารถนำมาบริโภคได้จะอยู่ที่ 4 – 6 เดือน จะทำให้ชาวประมงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ตอนนี้ชาวประมงในพื้นที่ก็เริ่มเห็นลูกปูเกาะตามสายสมอเรือ การทำธนาคารปูม้า เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และไม่มีค่าตอบแทน แต่ก็ภูมิใจ ได้เพิ่มปริมาณปู เพิ่มรายได้ให้ชาวประมง ตอนนี้ชาวประมงก็เริ่มให้ความสนใจมาร่วมโครงการมากขึ้นด้วย
ด้านนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า เทศบาลเมืองหัวหิน ได้ร่วมพูดคุยกับชาวประมง ในการจัดตั้งธนาคารปูม้า เพื่อเพิ่มปริมาณปูม้าให้มากขึ้น เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงเข้ามาร่วมเป็นพี่เลี้ยง และติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการนี้ยังได้รับงบประมาณสนับสนุนจากโครงการไทยนิยมยั่งยืนด้วย ตลอดระยะเวลากว่า สามเดือนที่ผ่านมา ปล่อยลูกปูสู่ท้องทะเลหัวหินไปแล้วกว่า สิบล้านตัว คาดว่าอีกประมาณ 5-6 เดือนจะเห็นผลที่ชัดเจน ถือเป็นโครงการที่เกิดจากความต้องการของประชาชน ทุกคนเห็นปัญหาและร่วมหาทางออกร่วมกัน สำหรับธนาคารปูม้าจะขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียงด้วย เพื่อให้เกิดการทำประมงที่ยั่งยืนคู่เมืองหัวหินตลอดไป
ข่าว/ภาพ วิมล ทับคง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: