สาวปราณบุรี สุดงง ไม่เคยขับรถตอนกลางคืนใกล้สว่าง สีรถก็ไม่ใช่ แต่กลับมีใบสั่งตรวจจับความเร็วจากตำรวจทางหลวงเพชรบุรีส่งมาที่บ้าน เกรงจะนำรถที่สวมทะเบียนไปก่อคดี จึงรีบไปแจ้งความ เพราะเชื่อว่ารถถูกมิจฉาชีพสวมทะเบียนแน่นอน
วันที่ 29 สิงหาคม 2561 นางสาวปวีณา แก้วจินดา อายุ 34 ปี กล่าวกับผ็สื่อข่าวว่าหลังจากนำใบสั่งที่ออกโดยสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 2 อ.เมือง จ.เพชรบุรีแจ้งให้ไปชำระค่าปรับ ข้อหาขับรถด้วยเร็วเกินกว่าที่จำกัดไว้ตามป้ายจำกัดความเร็วที่ออกตามกฎกระทรวงฯ คมนาคม (พรบ.ทางหลวงฯ ม.5(2) ม.69 และพรบ.จราจร ม.67 วรรคหนึ่ง ม.152 เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปราณบุรี
ข่าวน่าสนใจ:
- อบจ.ลำปางสืบสานประเพณีลอยกระทง บูรณาการร่วมกับอปท.จัดโครงการประเพณีลอยกระทง
- ตม.สระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังป้องกันชายแดน จับกุมชาวจีน 2 ราย หลบหนีเข้าเมือง
- ฉุนหนัก เพื่อนรักล้วงเล่นนกเขา คว้าขวดเบียร์ตีหัวแตก
- นบ.ยส.24 บูรณาการร่วมกับกลุ่มงานสุขภาพจิตและยาเสพติด สสจ.นครพนม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือตรวจพื้นที่อาคารหลังศูนย์ฟื้นฟู…
โดยเธอยืนยันว่าการกระทำผิดตามที่กำหนดในใบสั่ง คือวันที่ 14 ส.ค.2561 เวลา 03.07 น.รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้ายาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน กต .6141 ประจวบคีรีขันธ์ ที่ผ่านมานั้นเธอไม่ได้เดินทางไปไหน และเธอเป็นคนที่ใช้รถน้อยมาก รถพึ่งซื้อมาใหม่ได้เพียง 8 เดือน แทบจะจอดรถไว้ที่บ้านตลอดเวลา มีเพียงขับรถไปตลาดและทำธุระในตัวอำเภอเท่านั้น
อีกทั้งเธอไม่เคยขับรถไปไหนไกลๆตอนกลางคืนเลยและที่ทำให้ต้องรีบมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะรถยนต์ที่ถูกตรวจจับความเร็ว แม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกับรถของเธอ ป้ายทะเบียน กต .6141 และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็เหมือนกัน แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนกัน 2 แห่ง คือ สีของรถเป็นสีดำแต่รถของเธอสีขาวบริเวณหน้ากากรถก็เป็นรถคนและรุ่นกัน จึงคิดว่าต้องถูกมิจฉาชีพสวมทะเบียนปลอมแน่นอน
จึงได้ปรึกษาเพื่อนๆก็บอกว่าให้รีบไปแจ้งความเพราะว่าไม่รู้ว่ารถยนต์คันที่สวมทะเบียนรถของตนจะนำรถไปก่อคดีอะไร ขนยาเสพติด ฆ่าคนตายเป็นต้น ถ้านิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลยก็จะทำให้ในอนาคตถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจะทำให้เดือดร้อนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเสียทั้งเงิน และเวลา ด้วย
ด้านพนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี กล่าวว่านี่ไม่ใช่รายแรก เพราะที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ กับเจ้าของรถในจังหวัดอื่น ๆ จึงได้แนะนำผู้เสียหายให้นำใบแจ้งความนี้พร้อมใบสั่ง ไปแจ้งต่อ สถานีตำรวจทางหลวง พื้นที่ออกใบสั่ง เพื่อให้ดำเนินการแก้ไข พร้อมติดตามรถที่กระทำผิด นำผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าว/ภาพ สมบัติ ลิมปจีระวงษ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: