จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดโครงการส่งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับ จังหวัดมะริด เพื่อกระชับความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง ขณะที่เมียนมาอยากให้รัฐบาลไทยเร่งยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร เป็นด่านถาวร เพื่อส่งเสริมการพัฒนา การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ของทั้ง2ประเทศ และขอให้นักท่องเที่ยวจากจังหวัดมะริด ขยายพื้นที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในอำเภอหัวหิน
วันที่ 13 กันยายน 2561 ที่ห้องประชุม โรงแรมประจวบแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย U Phyo win Tun รัฐมนตรีว่าการการวางแผนและการคลัง รัฐบาลส่วนภูมิภาคตะนาวศรี ร่วมเปิดการประชุมร่วม โครงการส่งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับ จังหวัดมะริด สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีนายธีรพันธ์ นันทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์,นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ปลัดจังหวัด ,นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์, อบต.คลองวาฬ ,ศุลกากร,พาณิชย์,ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ,ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก,ตำรวจตระเวนชายแดน ,ตำรวจภูธร ,ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ข่าวน่าสนใจ:
นอกจากนั้นในส่วนของภาคเอกชน มีนายวีระ ศรีวัฒนตระกูลนายกสมาคมส่งเสริมพัฒนา การค้า การลงทุน ประจบ-มะริด ,นายศุรอัฐ ณรงค์ฤทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,นายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,นางอรสา อาวุธคม ผอ.ททท.สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,นายอุดมสุข นิ่มเซียน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้ประกอบการภาคเอกชน เข้าร่วม
โดยในส่วนของหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดมะริด ยังมี U Lin Ko Ko ผู้ว่าราชการจังหวัดมะริด , U Nyo Aye ผอ.สำนักงานการโรงแรมและการท่องเที่ยวภาคตะนาวศรี กระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว,U dr. Tun Tun เลขาธิการคณะกรรมการการลงทุนแห่งชาติเมียนมา กรุงเนปิดอร์,นายอำเภอเมืองตะนาวศรี,นายอำเภอมูด่อง,พาณิชย์จังหวัดมะริด ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ
เช่นกันในส่วนภาคเอกชนของจังหวัดมะริด มี U hla Than ประธานหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดมะริด พร้อมคณะกรรมการ สมาชิก และผู้ประกอบการธุรกิจ ตลลอดจนสื่อมวลชนของเมียนมา เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับจังหวัดมะริด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับมุขมนตรีภาคตะนาวศรี ลงนามร่วมกัน ณ กรุงเนปิดอร์ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2557 ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับ จังหวัดมะริด ได้มีความสัมพันธ์ใน 3 ด้านดังนี้ 1. ด้านความมั่นคง ทั้งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดมะริด ได้จัดประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น เพื่อหารือและแก้ไขปัญหาต่างๆร่วมกัน 2.ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดมะริดได้มีการจัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดงานปีใหม่ งานประเพณีสงกรานต์ไทย-เมียนมา และการจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวของสมาคมส่งเสริมพัฒนา การค้า การลงทุน ประจวบ-มะริด การจัดแรลลี่รถยนต์ ลการปั่นจักรยานข้ามประเทศ ส่วนด้านการค้าการลงทุน ได้มีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป สานสัมพันธ์สองแผ่นดิน และการเจรจาธุรกิจ รวมถึงการร่วมกันจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่างไทย –เมียนมาของสมาคมส่งเสริมพัฒนาการค้า การลงทุน ประจวบ-มะริด ที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้
การดำเนินการทั้ง 3 ด้านดังกล่าวส่งผลให้การขับเคลื่อนจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรโดยเฉพาะการค้าและการลงทุนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มีความพยามอย่างต่อเนื่องในการที่จะร่วมกันผลักดันจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรขึ้นเป็นด่านถาวร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว และในปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรโดยใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท โดยเฉพาะในปีงบประมาณ 2560-2561 ใช้งบประมาณในการพัฒนาจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร มีการก่อสร้างอาคารศูนย์ราชการชายแดน ด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง และในอนาคตมีการพัฒนาขยายถนนจากจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรจาก 2 ช่องทางการจราจรเป็น 4 ช่องทางการจราจร
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าถึงแม้ว่าในปัจจุบันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่สามารถผลักดันจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ก็ตาม เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนในการดำเนินการของรัฐบาลของส่วนกลาง แต่เราทั้งสองฝ่ายยังคงเป็น”เมืองพี่เมืองน้อง” ช่วยเหลือกันในยามที่ได้รับความเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยประเด็นทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมาได้ร่วมหารือกันในการประชุมครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นทางการคมนาคมระหว่างบ้านมูด่อง-เมือมะริด ระยะทาง 180 กิโลเมตร ซึ่งมีการปรับปรุงอยู่นั้นซึ่งทางจังหวัดมะริด ได้ชี้แจงว่าเส้นทางทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคมปลายปีนี้ ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำตะนาวศรี ก็จะแล้วเสร็จในปี 2562 และทางจังหวัดมะริด
พร้อมกันนี้ทาง ฝ่ายของจังหวัดมะริด เมียนมาได้เร่งให้ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เร่งผลักดันการยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร เป็นด่านถาวร ให้ได้โดยเร็วเพื่อร่วมกันพัฒนาการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ รวมไปถึงการตรวจสินค้าของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยนั้นขอให้มีการตรวจเพียงจุดเดียว เพื่อให้สินค้าที่ส่งออกมาโดยเฉพาะสัตว์น้ำมีความสดและไม่เกิดความเสียหาย รวมไปถึงขอขยายให้นักท่องเที่ยวจากจังหวัดมะริด เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ถึงอำเภอหัวหิน
นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวในส่วนของการดำเนินการผลักด้นเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร เป็นด่านถาวรนั้นทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้พยามดำเนินการมาโดยตลอด และในปัจจุบันเรื่องอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของรัฐบาลส่วนกลาง และในประเด็นเรื่องการขยายพื้นที่นักท่องเที่ยวจากมะริด เดินทางเข้าไปถึงอำเภอหัวหิน นั้นได้จัดทำข้อมูลต่างๆ ส่งไปให้ทางกระทรวงมหาดไทยและสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา ซึ่งหากได้ผลประการใดจะได้แจ้งให้ทางจังหวัดมะริดรับทราบต่อไป ส่วนการตรวจสินค้านั้นจะตรวจเพียงจุดเดียวเท่านั้น
นอกจากนั้นนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล นายกสมาคมส่งเสริมพัฒนา การค้า การลงทุน ประจวบ-มะริด กล่าวว่าในปลายปีนี้หากทางเส้นทางการคมนาคมที่ฝ่ายเมียนมาปรับปรุงแล้วเสร็จนั้น ทางสมาคมฯจะได้จัดคาราวานรถยนต์ เดินทางจากด่านสิงขร-มูด่อง-ตะนาวศรี-มะริด เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจร่วมเดินทางสอบถามเข้ามา ในส่วนนี้ไม่ทราบว่าทางรัฐบาลภาคตะนาวศรี จะอนุญาตการเดินทางในลักษณะเช่นนี้ได้หรือไม่
U Nyo Aye ผอ.สำนักงานการโรงแรมและการท่องเที่ยวภาคตะนาวศรี กระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว กล่าวว่าในการขออนุญาตดำเนินการนั้น ขอให้ทางสมาคมฯทำเรื่องเสนอเข้ามา เนื่องจาการจัดคาราววานเข้ามายังจังหวัดมะริด นั้นต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลภาคตะนาวศรี ซึ่งสามารถอนุญาตได้เป็นครั้งคราวไป
หลังการประชุมหารือเสร็จแล้ว ทางภาคเอกชนของทั้งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดมะริด ได้มีการเปิดเจรจาธุรกิจ ทั้งด้านสินก่อสร้าง ,ด้านสินค้าอุปโภค-บริโภค,ด้านสินค้าอาหารทะเล ,ด้านสินค้าการเกษตร และด้านการท่องเที่ยว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: