X

รองนายกรัฐมนตรี”บิ๊กฉัตร” ลงพื้นที่ดูโครงการบรรเทาอุทกภัยบางสะพาน

รองนายกรัฐมนตรี,เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, อธิบดีกรมชลประทาน  ตรวจเยี่ยมส่วนโครงการบรรเทาอุทกภัยบางสะพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ   เป็นการดำเนินงานตามนโยบาย       ของรัฐบาลที่ให้น้อมนำศาสตร์พระราชามาดำเนินการแก้ไขปัญหา

 

 

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ  รองนายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วย นายสมเกียรติ ประจำวงษ์  เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)   นายทองเปลว  กองจันทร์  อธิบดีกรมชลประทาน  ,นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  พร้อมคณะ เดินทางไปยังอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์   โดยมีนายศักดิ์รินทร์ ทุมเสน นายอำเภอบางสะพาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านในพื้นที่ให้การต้อนรับ เพื่อตรวจเยี่ยมส่วนโครงการบรรเทาอุทกภัยบางสะพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

โดยการดำเนินงานโครงการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย       ของรัฐบาลที่ให้น้อมนำศาสตร์พระราชามาดำเนินการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำในพื้นที่โดยเร็ว เนื่องจากอุทกภัยในช่วงปลายปี 2559 ต่อเนื่องต้นปี 2560 ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน

 

 

รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กรมชลประทานนำผลการศึกษาโครงการบรรเทาอุทกภัยและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่อำเภอบางสะพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ได้ศึกษาไว้เมื่อปี 2555 มาดำเนินการสำรวจ ออกแบบ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ          ซึ่งประกอบด้วยการก่อก่อสร้างแหล่งเก็บน้ำขนาดกลาง 2 แห่ง คืออ่างเก็บน้ำไทรทอง  มีความจุ 13.36 ล้าน ลบ.ม.  ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 และอ่างเก็บน้ำคลองลอยตอนล่างจะเริ่มก่อสร้างในปี 2564 มีความจุ 17.46 ล้าน ลบ.ม. เพื่อตัดยอดน้ำในลำน้ำสาขาก่อนไหลลงคลองบางสะพาน  พร้อมทั้งทำการขุดขยายคลองเดิม คือ คลองบางสะพาน คลองแม่รำพึง และคลองปัตตามัง-เขาม้าร้อง  รวมทั้งก่อสร้างคลองผันน้ำสายใหม่อีก 3 สาย เพื่อรองรับการระบายน้ำให้ได้มากกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางสะพานที่เกิดขึ้นเป็นประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์  เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่าความคืบหน้าในการดำเนินโครงการนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการขุดลอก ขยายคลองเดิมให้สามารถระบายน้ำได้ 525 ลบ.ม./วินาที  พร้อมก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ 3 แห่ง ส่วนคลองผันน้ำสายใหม่อยู่ระหว่างการจ่ายค่าชดเชยที่ดิน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2563  เมื่อด้าเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการจะสามารถระบายน้ำได้ 1,025    ลบ.ม./ วินาที และสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักจากเดิมได้อีกประมาณ 30.82 ล้าน ลบ.ม. ใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตรในพื้นที่ได้อย่างพอเพียง ในส่วนของความก้าวหน้าการดำเนินการปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันทำการปรับปรุงแล้วเสร็จจำนวน 15 แห่ง (สำรวจพบ 16 แห่ง) และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1 แห่ง

 

ข่าว/ภาพ  วิมล ทับคง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน