ประจวบคีรีขันธ์- เวลาผ่านมา1 สัปดาห์กรณีลูกจ้างในสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงินหลวงไปถึง 33.9 ล้านบาท ถึงแม้ปัจจุบันจะถูกตำรวจจับและตั้งจ้อหาและฝากขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แล้วก็ตามแต่ประชาชน ยังไม่เชื่อว่าจะลงมือทำเพียงคนเดียวพร้อมอยากให้ผู้บริหารของจังหวัดประจวบฯ ออกมาแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าในส่วนของราชการนั้นใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพราะมีกฎระเบียบ รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีความคืบหน้าไปถึงไหน
วันที่ 25 มิถุนายน 2563 จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงินจำนวน 33.9 ล้านบาท จากบัญชีภัยแล้ง 23.2 ล้านบาท บัญชีงบแผนพัฒนาจังหวัดปี 2563 จำนวน 3.2 ล้านบาท บัญชีเงินฝากคลัง 7.3 ล้านบาท ซึ่งถูกควบคุมตัวฝากขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์
ข่าวน่าสนใจ:
- เตือนชาวบ้านอย่าตกเป็นเครื่องมือคนร้ายที่พยายามสร้างความขัดแย้งในพื้นที่
- พิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- เพชรบูรณ์ - นักท่องเที่ยวสุดเซ็ง! วางแผนไปเที่ยวเขาค้อภูทับเบิก หลังรู้ข่าวต้องเจอ"ทริปน้ำไม่อาบ" ยอมยกเลิกหรือปรับไปเที่ยวที่อื่นแทน
- สงขลา M79 ถล่มเเคมป์คนงานสร้างเจ้าแม่กวนอิม บาดเจ็บ 3 ราย พื้นที่ อ.เทพา
นางจิตรา สุวรรณวงศ์ แม่ค้าน้ำดื่มหน้าเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ตนและแม่ค้ารายหลายที่อยู่หน้าเรือนจำ รวมถึงญาติที่มาเยี่ยมผู้ต้องขัง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เชื่อว่ามีผู้กระทำผิดเพียงรายเดียว ต้องมีผู้ร่วมงานรู้เห็นด้วย เนื่องจากเป็นเงินจำนวนมาก
“ ไม่น่าเชื่อว่าคนคนเดียวจะทำได้ เขาเป็นแค่ลูกจ้าง สามารถเบิกจ่ายอะไรได้ แสดงว่าเขาเก่ง ความคิดของหลายคนที่พบเจอ ไม่คิดว่าคนเดียว ที่นี่เป็นที่รวมศูนย์ของเรือนจำ เวลาญาติมาเยี่ยมผู้ต้องขัง ก็พูดจากัน คนหลายคนเชื่อว่า ไม่ทำคนเดียว เป็นไปไม่ได้ ลูกจ้างยักยอกเงิน 33.9 ล้าน ต้องมีคนอื่น ที่สำคัญคือเป็นเงินของหลวง การทำถนน งบประมาณต่าง ๆ มันหายไป ชาวบ้านอยากจะได้คืน จะได้นำไปพัฒนาจุดอื่น คิดว่าต้องมีคนรับผิดชอบเงินจำนวนนี้ ต้องหาต้องชดใช้คืน เพราะประชาชนทุกคนเสียภาษี เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ ”
ด้านพล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมคณะทำงานตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรื่องคดียักยอก 33.9 ล้านบาท กล่าวว่าส่งตำรวจเดินทางไปสอบปากคำมารดาผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่บ้านพัก และเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กว่าสิบราย รวมถึงสอบปากคำนางสาวขนิษฐา เพิ่มเติมที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ยังพบเอกสารเช็คธนาคารกรุงไทย ที่ลงลายมือชื่อเบิกจ่าย โดยมีความพยายามลงลายมือชื่อให้เหมือนตัวจริง แต่ยังไม่ได้ใช้งานคาดว่าเป็นการปลอมแปลงที่ไม่เหมือนต้นฉบับ และพนักงานสอบสวนเตรียมนำลายมือชื่อในเช็คธนาคารไปเทียบเคียงที่ตัวจริง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าแจ้งความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารทางราชการของผู้ต้องขังคือ ลงลายมือชื่อปลอมในเช็คธนาคาร พนักงานสอบสวนจึงเพิ่มข้อหา ความผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 188 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และตั้งข้อหาเล่นการพนัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในสัปดาห์หน้าทางตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ จะมีการแถลงเรื่องการยักยอกเงิน 33.9 ล้านบาทให้สื่อมวลชนได้รับทราบ ในขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ที่ติดตามข่าวเรื่องดังกล่าวเห็นว่าเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐควรออกมาชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ กรณีการยักยอกเงินหลวง 33.9 ล้านบาทในสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้งเงินทั้งหมดเป็นเงินภาษีที่มาจากพี่น้องประชาชน และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บริหารส่วนราชการต้องแสงความรับผิดชอบ ซึ่งเวลาผ่านมา 1 สัปดาห์ยังไม่มีการชี้แจงจากระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงแต่อย่างใด ทั้งที่เงินถูกยักยอกไปถึง 33.9 ล้านบาท และควรต้องมีผู้รับผิดชอบนำเงินดังกล่าวมาคืนหลวงต่อไป
#77 ข่าวเด็ดประจวบคีรีขันธ์ (เรื่อง/ภาพ พลไชย ภิรมย์ศรี)
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: