ใครเฉือน !!ปลายงวงช้างป่ากุยบุรี หลังตายคาแปลงหญ้า
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมสัตวแพทย์ เข้าผ่าพิสูจน์ซากช้างป่าเพศเมียอายุประมาณ 30-40 ปีซึ่งพบว่าตายอยู่ในแปลงหญ้า โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เบื้องต้นคาดว่าตายมาประมาณ 1 สัปดาห์ พบว่าบริเวณปลายงวงมีร่องรอยถูกของมีคมเฉือนออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ 23 ตุลาคม 2561 นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เพชรบุรี พร้อมด้วยนายทัศเนศวร์ เพชรคง หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และนายทัศนะ ศรีวิลาศ หัวหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมทีมสัตวแพทย์จากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ห้วยทราย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ต.อ.สมฤกษ์ ชัยสุกัญญาสันต์ ผกก.สภ.ยางชุม, พ.ต.ท.ธีระ สูงยิ่ง รอง.ผกก.สส.สภ.ยางชุม และ ร.ต.ท.สมบัติ สำเรียนรัมย์ ,ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก, ทหารค่ายธนะรัชต์ และทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ บ้านรวมไทย, ตำรวจตระเวนชายแดน กำนันตำบลหาดชาม และฝ่ายปกครองอำเภอกุยบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 50 นาย ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังจากชุดลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่ กร.5(ห้วยลึก) ออกลาดตระเวนไปพบช้างป่าตาย 1 ตัว (เมื่อเย็นวันที่ 22 ตุลาคม 2561)บริเวณแปลงหญ้าป่าหุบมะกรูด ท้องที่ ม.7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี โดยพื้นที่ดังกล่าวเตรียมที่จะมีการผนวกรวมกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ใช้เครื่องแสกนตรวจหาวัตถุโลหะที่ซากช้างป่าตัวที่ตายจนทั่วแต่ก็ไม่พบวัตถุใดๆ จึงเชื่อได้ว่าช้างป่าตัวที่ตายไม่มีสาเหตุการตายจากการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
หลังจากนั้น นายสัตวแพทย์ กชพร พิมพ์สิน สัตวแพทย์ประจำศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย และทีมสัตวแพทย์ ได้ทำการผ่าพิสูจน์ซากช้างป่า และเก็บอาหารในกระเพาะ และชิ้นเนื้อเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ภาคคณะพยาธิวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากได้ทำผ่าแล้วไม่พบถึงจะไม่พบว่าถูกทำร้ายจากมนุษย์ก็ตาม แต่พบความผิดปกติในส่วนต่างๆทั้ง กระเพาะ ลำไล้ และที่กระดูกซี่โครง มีการอักเสบมีเลือดสีดำคล้ำ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ในวันนี้ ต้องรอผลยืนยันจากห้องแล็บอีกครั้งว่าตายด้วยสาเหตุอะไร โดยช้างป่าตัวนี้เป็นเพศเมียอายุราวประมาณ 30 -40 ซึ่งถือว่าเป็นช้างที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งตายแล้วประมาณ 7 วัน เนื่องจากสภาพเริ่มเน่า หนังเริ่มหลุด ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง อีกทั้งบริเวณขนายก็เริ่มหลุดออกมาแล้ว โดยข้างซ้ายมีความยาว29 เซนติเมตร ส่วนข้างขวามีความยาว 30 ซม.และได้ให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี นำไปเก็บดูแลรักษาเอาไว้ต่อไป
ในขณะเดียวกันหลังจากทหารฝ่ายความมั่นคงพบว่าบริเวณปลายงวงของช้างป่าตัวที่นอนตายอยู่นี้ มีร่องรอยลักษณะคล้ายถูกของมีคมเฉือนออกไปนั้น ทางนายสัตวแพทย์ กชพร พิมพ์สิน สัตวแพทย์ก็ตรวจสอบและให้ความเห็นด้วยว่าไม่ใช้ร่องรอยของสัตว์ที่เข้ามากัดแทะแต่อย่างใดเพราะจะต้องมีรอยฟันให้เห็น แต่คาดว่าน่าจะถูกตัดหรือเฉือนออกไปซึ่งน่าจะเกิดจากหลังจากที่ช้างป่าได้ตายแล้ว
นายทัศเนศวร์ เพชรคง หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่าได้รายงานให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทราบแล้วหลังจากผ่าเสร็จแล้วทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ใช้รถแบคโฮขุดหลุมกลบฝังซากช้างไว้ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันนี้พบว่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีประชากรช้างเพิ่มขึ้นกว่า 300 ตัวแล้วในขณะนี้ และพบว่ามีลูกช้างเกิดใหม่กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรช้างป่า โดยได้ให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ยางชุม
เรื่อง/ภาพ วิมล ทับคง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: