เจ้าหน้าที่อุทยานเร่งเก็บขยะ หลังคลื่นซัดขยะลอยเกลื่อนชายหาด คาดต้องใช้เวลาแก้ไขงดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำกว่า 1 สัปดาห์
กระแสคลื่นลมที่มีการเปลี่ยนทิศทาง ส่งผลให้ขยะที่ลอยอยู่ในทะเลถูกพัดขึ้นมาที่แนวชายหาดวนอุทยานปราณบุรี ระยะทางประมาณสองกิโลเมตร ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถลงเล่นน้ำ และใช้พื้นที่ชายหาดได้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่วนอุทยานปราณบุรีต่างช่วยกันเก็บขยะ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากขณะนี้ยังมีขยะลอยอยู่ในทะเลอีกจำนวนมาก
วันที่ 3 พ.ย.2561 ผู้สื่อรายงานว่า ที่บริเวณชายหาดวนอุทยานปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่วนอุทยานปราณบุรี ได้นำอุปกรณ์และรถยนต์ มาช่วยกันเก็บขยะที่ถูกคลื่นซัดขึ้นมาตลอดแนวชายหาดระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร หลังจากในระยะ 2-3 วันที่ผ่านมา คลื่นลมทะเลมีการเปลี่ยนทิศทาง จากเดิมที่พัดเข้าอ่าวหัวหิน มาพัดเข้าบริเวณอุทยานปราณบุรี ส่งผลให้ขยะจากอ่าวไทยที่ลอยอยู่ในทะเล จำนวนหลายสิบตัน ถูกคลื่นซัดเข้ามาบริเวณนี้ โดยขยะที่เกลื่อนหาด พบว่ายังเป็นขยะธรรมชาติจากแม่น้ำ ลำคลอง ที่ระบายลงสู่อ่าวไทย กิ่งไม้ ไม้ไผ่จากแนวกันตลิ่ง ผักตบชวา ลูกมะพร้าว ลูกจาก และขยะพลาสติก โฟม ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ บางส่วนได้ขึ้นมากองบนชายหาด บางส่วนยังลอยอยู่ทะเล ทำให้นำทะเลเป็นสีดำ นักท่องเที่ยวไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเล หรือใช้พื้นที่ชายหาดในการพักผ่อนหย่อนใจได้
นายสมศักดิ์ กรีธาธร หัวหน้าวนอุทยานปราณบุรี กล่าวว่า ขยะเหล่านี้จะถูกซัดเข้ามาแนวชายหาดวนอุทยานปราณบุรี ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ปริมาณมากน้อยแตกต่างกันไปตามสภาพคลื่นลม ทั้งนี้จะระดมเจ้าหน้าที่ช่วยกันเก็บขยะชายหาดได้ในช่วงน้ำลง โดยการจัดเก็บขยะ จะแยกประเภทของขยะ เพื่อง่ายในการจัดการ เช่น ประเภทกิ่งไม้ ไม้ไผ่ ลูกมะพร้าว ประเภทขยะพลาสติก กล่องโฟม ขวดแก้ว และประเภทขยะทั่วไป ซึ่งบางส่วนอาจจะต้องมีการฝังกลบ เนื่องจากสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ส่วนที่ไม่สามารถย่อยสลายได้จะนำทิ้งที่บ่อขยะของอำเภอปราณบุรี คาดว่าปีนี้น่าจะมีขยะถูกพัดเข้ามาประมาณ 50 ตัน
ทั้งนี้คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการจัดเก็บอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะยังมีขยะลอยเข้ามาทุกวัน รวมทั้งอาจจะต้องของความร่วมมือจากกำลังศูนย์การทหารราบ และจิตอาสาในพื้นที่ เพื่อร่วมกันฟื้นฟู คืนชายหาดที่สวยงามให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
ข่าว/ภาพ วิมล ทับคง
