ร้านนวด-สปาหัวหิน เดือนร้อนหนัก ไร้รายได้นานหลายเดือน ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายและหนี้สิน หลังถูกสั่งปิดจากพิษโควิด-19 เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนความเดือดร้อนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนผันให้เปิดบริการ
( วันที่ 11 มกราคม 2564) ผู้ประกอบการร้านนวดแผนไทย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ภายหลังจากมีคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประกาศปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา และสถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564)ไปจนถึงปลายเดือนมกราคม เป็นการชั่วคราว เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
นางสาวบุญช่วย สีจุ้ย เจ้าของร้านนวดแผนไทย กู๊ดแคร์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากขาดรายได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาการระบาดของโควิด-19 ก็ได้รับผลกระทบมาแล้วและยังไม่ฟื้นตัวและมีหนี้สินเพิ่มขึ้น มาปีนี้ก็มาสั่งปิดอีกครั้งยอมรับว่าเดือดร้อนหนักไม่มีรายได้ และยังไม่รู้ว่าจะนำเงินส่วนไหนไปจ่ายค่าเช่าร้านและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ จึงอยากให้มีการทบทวนและพิจารณาให้มีการเปิดกิจการได้ โดยที่ผู้ประกอบการมองว่า อำเภอหัวหิน พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพียงรายเดียวเท่านั้นและติดจากพื้นที่อื่น อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐ รวมทั้งพนักงานนวดที่ร้านตนเองก็ต้องขอให้พนักงานกลับภูมิลำเนาเนื่องจากแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ซึ่งหากเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้หากยังไม่มีการเปิดยอมรับ”คงไปต่อไม่ไหว”
เช่นกัน นางมีทรัพย์ กั้วจันทร์ เจ้าของร้านนวดแผนไทย ฝนทิพย์ กล่าวว่าผู้ประกอบการร้านนวดแผนไทย ส่วนใหญ่เห็นว่าทางร้านมีมาตรการดำเนินการตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการอยู่ ทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิ การลงทะเบียน การตรวจสอบว่ามาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือไม่หากเข้ามาเราก็ไม่บริการให้ ผู้มาใช้บริการก็ต้องใส่แมสรวมทั้งพนักงานด้วย การจัดที่ล้างมือด้วยเจลและแอลกอฮอล์ ตลอดจนการจัดสถานที่รักษาระยะห่าง และเห็นว่าการที่ทางจังหวัดฯสั่งปิดนั้น และไม่ได้มีมาตรการเยียวยาและช่วยเหลือแต่อย่างใด ซึ่งด้วยสภาพความเป็นจริงในขณะนี้ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละเกือบ 2 หมื่นบาทขึ้นไป ถึงแม้เจ้าของพื้นที่ให้เช่าจะพยามลดค่าเช่าให้ก็ตาม ผู้ประกอบการจึงรวบรวมทำหนังสือขอให้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานได้พิจารณาความเดือดร้อน และขอให้ช่วยผ่อนผันในการเปิดกิจการ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนและภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น
นางสาวอรกานต์ บุญอยู่ เจ้าของร้านนวดเพื่อสุขภาพสวัสดี กล่าวว่าตอนนี้ยอมรับอยากได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพราะร้านปิดมีทั้งภาระค่าเช่า ภาระหนี้สินและอื่นๆอีก หรือหากมีการพบการติดเชื้อจุดไหนก็อยากให้มีการดำเนินการเฉพาะจุดนั้นไปเลย ไม่อยากให้มารวมปิดแบบนี้ก็”เหมือนตายหมู่” ในความรู้สึกเราไม่ใช่เป็นอยู่คนเดียวแต่ต้องถูกสั่งปิดทั้งจังหวัด รัฐรู้หรือ้ปล่าว่าผู้ประกอบการเดือดร้อนมาก
ด้านนางฉวีวรรณ อั่มส้ม พนักงานร้านนวดแผนไทย กล่าวยอมรับว่าได้รับความเดือดร้อนเพราะครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร ตอนนี้ก็ต้องนำเงินที่เก็บเอาไว้มาใช้ในช่วงที่ร้านปิด เพราะก็ไม่รู้จะไปทำอะไร ซึ่งอยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือบ้างมีความรู้สึกว่าอาชีพให้บริการนวดไม่ค่อยได้รับความสนใจจากภาครัฐเท่าที่ควร
นางสาวกานดา ทัพพะมู เจ้าของโรงแรมบ้านกานตา หัวหิน ซึ่งให้เช่าห้องเปิดร้านนวดแผนไทย กล่าวว่าเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางผู้เช่าทำร้านนวดก็มาขอร้องให้ช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าเนื่องจากไม่มีรายได้ร้านถูกปิด จึงมีการปรึกษากับครอบครัวเพื่อช่วยเหลือจึงไม่เก็บค่าเช่าตั้งแต่ต้นเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึง 1 มิถุนายน 2563 และเมื่อมีการเปิดบริการตามปกติ จนมารอบนี้มีการปิดอีกแต่เนื่องจากตนเองต้องแบกภาระเรื่องภาษีที่ดินแบบใหม่ จากที่จะไม่เก็บค่าเช่าก็ทำไม่ได้เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายเช่นกัน จึงได้ลดค่าเช่าให้ครึ่งจาก 3 หมื่นบาทเหลือเพียงครึ่งเดียว ซึ่งผู้เช่าก็บอกว่าขอลดอีกซึ่งทางตนเองก็พิจารณาก็อาจต้องลดให้อีกครึ่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
โดยผู้ประกอบการร้านนวดแผนไทยของอำเภอหัวหิน ได้ทำหนังสือขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และทางสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีการพิจารณาผ่อนปรนเปิดปริการได้ พร้อมปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะกรรมการโรงติดต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เห็นว่าจะต้องมีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: