แรงงานเถื่อนเมียนมา แอบลักลอบข้ามชายแดนประจวบถูกยิงดับ 1 เจ็บ 3 ราย ด้านนายอำเภอเมืองประจวบฯจ่อเรียกสอบเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.วันที่ 6 พ.ค.65 ร.ต.ท.เมธาสิฐ ณ พัทลุง ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองประจวบ ได้รับแจ้งจากนางสาว มะลิ ปานนก ผู้ใหญ่บ้านหนองแก ว่า พบรถยนต์จอดเสีย มีผู้เสียชีวิตนอนอยู่บริเวณท้ายรถ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณ ภายในหมู่บ้านหนองแก บนถนนสายบ้านหนองแก-บ้านหนองนุ่น หมู่ 8 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ชลประเสริฐ ผกก.สอบสวนภูธรจังหวัดประจวบฯ ตำรวจชุดตรวจพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบ แพทย์เวรโรงพยาบาลประจวบ ร่วมตรวจสอบชันสูตรที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ รถยนต์กระบะตอนครึ่งยี่ห้อ Toyota Vigo สีบรอนซ์-ทอง หมายเลขทะเบียน บย7825 เพชรบุรี จอดจอดยางรั่วอยู่บนถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้าน สภาพรถมีลักษณะแต่งซิ่ง โหลดเตี้ย ยางแก้มเตี้ย และติดเครื่องเสียงรถยนต์ภายในรถ บริเวณกันชนหน้าขวามีรอยเฉี่ยวชนจนยุบ กระจกด้านหน้าแตกร้าวจำนวน 2 จุด กระจกหลังมีรอยแตกลักษณะเหมือนถูกกระสุนปืนจำนวน 2 จุด และที่บริเวณฝาปิดท้ายกระบะด้านขวาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าถูกกระสุนปืนลูกซอง (ลูกปรายหรือลูกร้อย) ภายในกระบะรถ พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวเมียนมาอายุประมาณ 30-35 ปี สวมเสื้อยืดจำนวน 2 ชั้น ชั้นในสีแดงเข้ม ชั้นนอกสีส้ม นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สะพายกระเป๋าสีดำ นอนตะแคงเสียชีวิตอยู่บริเวณในกระบะท้ายรถ โดยมีหมวกแก๊ปสีดำตกอยู่บริเวณข้างศีรษะพร้อมกับหมอนรองปืนลูกซองจำนวน 1 ชิ้น ตกอยู่ข้างกาย
จากการตรวจสอบตามร่างกายพบมีบาดแผลคาดว่า เกิดจากรูกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 10 แผล ที่บริเวณไหล่ซ้ายด้านหลังและท้ายทอย ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง ทราบชื่อนายโจเยออง อายุประมาณ 30 ปี เป็นชาวมอญประเทศเมียนมา นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนเข้าที่บริเวณหลังและท้ายทอยอีกจำนวน 3 ราย เป็นหญิง 1ราย ชาย 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลประจวบฯ บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาหลบซ้อนตัวอยู่ป่าข้างทาง อีกจำนวน 13 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 รายรวมอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ก่อน ส่วนคนขับได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมกับควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ไปกักตัวดูอาการตาม มาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ก่อนผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป ส่วนสาเหตุของการถูกยิงในครั้งนี้ และมือยิงเป็นใคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวน จะได้ร่วมกันสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นต่อไป
จากการสอบสวนแรงงานรับสารภาพว่า ทั้งหมดข้ามมาจากฝั่งประเทศเมียนมา บ้านมูด่อง มีผู้นำพาเข้ามาฝั่งไทยให้หลบซ่อนตัวอยู่ในป่าได้3 วันเพื่อรอให้คนมารับ โดยเสียค่านายหน้าคนละ 23,000 บาท แต่ยังไม่ได้จ่าย ต้องไปถึงที่หมายก่อนจะจ่ายให้ โดยวันนี้เวลา 05.00 น.ก็มีรถกระบะคันดังกล่าวมารับที่ชายป่า ระหว่างทางได้ยินเสียงปืนดังขึ้นโดยไม่ทราบว่ามาจากทิศทางไหน สักครู่คนขับก็มาจอดรถและได้วิ่งหลบไป จึงทราบว่าเพื่อนที่มาด้วยกันถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บจนมีคนมาพบแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องรอผลการสืบสอบสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบว่ามีผู้นำท้องที่หรือชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ( ชรบ.) ปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจมีพยานหลักฐานในคืนเกิดเหตุ มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี จะมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ 15 นาย ซึ่งเข้าเวรประจำจุดตรวจช่องสิบศพและด่านมะขามโพรง จากนั้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 จะเรียกตัวเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมาสอบถามข้อเท็จจริง แต่ไม่ต้องนำอาวุธปืนประจำตัวไปให้ตรวจสอบ หรือนำเจ้าหน้าที่บางรายไปตรวจหาเขม่าดินปืนตามที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต
นายธนนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นปัญหาจากสาเหตุใด แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามคนร้ายในคดีนี้ได้ จากพยานหลักฐานที่ปรากฏ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันฝ่ายปกครองอำเภอได้จัดทำโครงการฝึกยุทธวิธีให้กับผู้นำท้องที่และ ชรบ.เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการทำหน้าที่และความรู้ด้านกฎหมาย
จ.อ.เสกสรรค์ จันทร คณะทำงานเครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชั่น ประจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าแรงงานต่างด้าวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยิงเสียชีวิต ยังไม่มีหน่วยงานฝ่ายปกครอง หน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นกับขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติ ที่มีการลักลอบนำแรงงานเถื่อนจากประเทศเมียมาร์ต่อเนื่องนานกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ไม่เคยจับกุมนายทุนค้าแรงงานเถื่อนได้แม้แต่รายเดียว สำหรับการนำแรงงานเถื่อนไปขายในจังหวัดภาคใต้หรือนำขึ้นรถตู้เดินทางไป จ.สมุทรสาคร ไม่เคยมีการจับกุมแรงงานเถื่อนบนถนนเพชรเกษม ในขณะที่มีการตั้งด่านตรวจถาวรที่ อ.สามร้อยยอดและด่านตรวจที่ อ.ทับสะแก ส่วนตัวไม่เชื่อว่าหน่วยงานด้านการข่าวหรือการสืบสวนทางลับของหลายหน่วยงานจะไม่มีประสิทธิภาพ ในการทำหน้าที่ตามนโยบายรัฐบาล
