รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงาน “มหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู” ครั้งที่ 9 เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และสร้างรายได้ ระบุอนาคตทุเรียนไทยยังสดใส สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกสร้างรายได้ พร้อมย้ำต้องรักษาคุณภาพ เพื่อการส่งออกทั่วโลก
วันนี้ (9 กรกฎาคม 2565) ที่ ลานเอนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการมหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่วันที่ 9 – 17 กรกฎาคม 2565 โดยมี นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวรายงาน นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบฯ ,นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ,นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,นายทวีสิน พัฒนาภิรัส ประธานสภา อบจ.ประจวบฯ นายวัชระ กำพร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ตลอดจนนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ข่าวน่าสนใจ:
การจัดงานในครั้งนี้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์ชะนี ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค มีเนื้อแห้งเนียนละเอียด กลิ่นอ่อน รสชาติหวาน มัน เมล็ดลีบเล็ก ทำให้เนื้อทุเรียนหนา และที่สำคัญยังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มาตั้งแต่ ปี 2554 มีผลผลิตในช่วงเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ปลูกทุเรียน จำนวน 14,782.25 ไร่ ให้ผลแล้ว 8,109 ไร่ คิดเป็น 54.85 % ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด ปริมาณผลผลิต 7,118.44 ตัน ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์อื่นๆ เล็กน้อย เช่นพันธุ์ ชะนี ก้านยาว พวงมณี มีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จำนวน 390 ราย รวมพื้นที่ 2,502.40 ไร่ โดยเป็นทุเรียนป่าละอู จำนวน 83 ราย
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า พื้นที่การปลูกทุเรียน ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์มีจำนวนมาก รสชาติดีทุกแห่ง โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอูที่ความโดดเด่น มีอัตลักษณ์ แต่ปริมาณผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคของคนไทย จึงทำให้ออกสู่ผู้บริโภคได้น้อย ดังนั้นจึงต้องส่งเสริมการปลูกให้มากขึ้น เพื่อให้คนได้รู้จักทุเรียนป่าละอู พร้อมทั้งยึดหลักตลาดนำการผลิต สร้างรายได้ให้เกษตรกร อีกทั้ง ขอฝากพี่น้องผู้ปลูกทุเรียนทั่วประเทศ อนาคตตลาดทุเรียนยังสดใส ทุเรียนไทยยังเป็นที่ต้องการของของต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดของผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะประเทศไทยยังเป็นประเทศเดียวที่สามารถส่งออกทุเรียนเป็นลูกเข้าประเทศไทยซึ่งเป็นข้อได้เปรียบมากกว่าประเทศอื่น แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เกษตรกรป่าละอูและเกษตรกรทั่วประเทศต้องยึดเป็นหัวใจหลักคือการรักษาสินค้าให้มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถส่งออกสินค้าทางการเกษตรได้ทั่วโลก เป้าหมายเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก และขอความร่วมมือไม่ตัดหรือรับซื้อทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) หากพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด อนาคตทุเรียนจะเป็นสินค้าเกษตรหลักที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศ
โอกาสนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ได้ร่วมกันมอบต้นพันธ์ทุเรียนให้กับผู้แทนเกษตรกร และผู้นำชุมชนเพื่ออนุรักษ์และขยายพันธ์ ,พิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ให้แก่เกษตรกร ในพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ มอบใบประกาศนียบัตร QR Traces ให้กับเกษตรกรต้นแบบจำนวน 15 ราย พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรภายในงาน
ซึ่งบรรยากาศวันแรกของการจัดงานก็เป็นไปอย่างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เดินทางมาเลือกซื้อทุเรียนป่าละอู และผลไม้อื่นๆที่ปลูกในพื้นที่กันเป็นจำนวนมาก โดยราคาทุเรียนทุเรียนป่าละอูจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 250 บาท เนื่องจากเป็นสินค้าพื้นถิ่น และเป็นสินค้าที่เป็นอัตลักษณ์ ที่ผู้บริโภคยอมรับ ถือเป็นการสร้างรายได้โดยตรงให้กับเกษตรกร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: