ชวน หลีกภัย ช่วย “เซ้ม”ลูกพรรคประชาธิปัตย์ผู้สมัคร สส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 หาเสียงที่หัวหิน พร้อมยันนโยบายแจกเบี้ยผู้สูงอายุเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผู้ริเริ่ม
(วันที่ 15 เมษายน 2566) ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายชวน หลีกภัย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค ได้เดินทางมาขึ้นรถปราศรัยหาเสียงช่วยนายจักพันธ์ หรือ โกวเซ้ม ปิยพรไพบูลย์ ผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 อ.ปราณบุรี อ.หัวหิน โดยนายชวน ได้เดินทางมาจากจังหวัดชุมพร และต่อมายังอำเภอหัวหิน ทั้งนี้ได้ขึ้นรถตระเวนปราศรัยแนะนำนโยบายไปตามถนนสายต่างๆในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน นาน 2 ชั่วโมงเต็ม โดยตลอดทางมีชาวบ้านมารอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ เป็นจำนวนมาก ซึ่ง นายหัวชวน ได้อ้อนขอตะแนนจากประชาชนให้เลือกเบอร์ 2 นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ให้กลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมทั้งเบอร์ 26 หมายเลขปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคประชาธิปัตย์
ข่าวน่าสนใจ:
โดยนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ผลสำรวจขณะนี้พรรคยังตามพรรคอื่นอยู่บ้านแต่ไม่ได้ทิ้งห่างมาก ผมจึงต้องอาสาลงมาช่วงหาเสียงให้ลูกพรรค ซึ่งผมเองได้ช่วยออกหาเสียงตามจังหวัดต่างๆเพื่อช่วยผูสมัครของพรรคหาเสียงเพียงมี่วันที่ผ่านมาหลังมีการประกาศยุบสภา ซึ่งยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์อะไรได้เกี่ยวกับเรื่องผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์รอบนี้ ที่จะได้มาแต่มั่นใจสถานการณ์ไม่น่าจะแย่ลงเชื่อว่าน่าจะดีขึ้น สังเกตจากการลงพื้นที่พบประชาชน และให้การต้อนรับรวมทั้งวันนี้ที่ลงพื้นที่ชุมพรก่อนที่จะเดินทางมาที่อำเภอหัวหิน ผมกล้าพูดต่อพี่น้องประชาชน เลยว่านโยบายที่ยั่งยืนซึ่งเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น ซึ่งประชาชนที่มาฟังการปราศรัยอาจยังไม่รู้ว่าเบี้ยผู้สูงอายุที่ทุกพรรคกำลังโฆษณาอยู่นั้น จุดเริ่มต้นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ทำไว้ 300 บาท หลังจากนั้นพรรคการเมืองไม่มีใครต่อให้เลย จนพลเอก สุรยุทธ จุลานนท์ มาเพิ่มให้อีก 200 เป็น 500 บาทนี่คือที่มา บัดนี้พรรคอื่นฯก็ยอมรับว่าเป็นประโยชน์ และก็ทำต่อซึ่งผมก็รู้สึกดีใจ แต่จุดเริ่มต้นมันอยู่ประชาธิปัตย์ หรือการที่ลูก หลานชาวบ้านได้เรียนจากทุน กยศ. ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้ายก่อนยุบสภา นอกจากนั้นยังได้พูดถึงโครงการให้เด็ดได้ดื่มนมในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เดิมผมทำไว้ตั้งแต่อนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ส่วนนายกอภิสิทธิ์ มาต่อให้เป็น ชั้นประถมปีที่ 5-6 ซึ่งก็เป็นประโยชน์ ถึงแม้เด็กจะไม่มีสิทธิ์ในการลงคะแนน แต่ส่งมีค่าคือทรัพยากรมนุษย์หรือคนหาเราพัฒนาให้คนมีความรู้ เป็นคนดีบ้านเมืองเราก็จะมีการพัฒนา รวมทั้งการให้เรียนฟรีถึงปริญญาตรีซึ่งก็ถือเป็นนโยบายที่มีประโยชน์มาก
ส่วนการพัฒนาบ้านเมืองสิ่งที่เราต้อคิดไกล ซึ่งเรามีคู่แข่งทั่วโลกเค้าหยุดรบกันแล้วและมีการพัฒนาเพื่อแข่งขันกันซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เราจะตกหลังเค้าหากเราไม่พัฒนาจริงจัง และการแก่ปัญหาการคอรัปชั่น อาย่างเช่นที่เวียดนามประธานาธิบดีแต้องลาออก ส่วนประเทศไทยเราเรื่องการทุจริตทั้งในส่วนกาลส่วนภูมิภาคกระจายไป ผมก็ให้ความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่ซื่อสัตย์สุจริต แต่เราอยู่เฉยไม่ได้ ผมจึงจัดทำโครงการหนึ่ง 4 ปีที่ผมอยู่ในสภา คือประเทศรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริต เราไม่ทำอะไรที่ลักษณะผิวเผินให้พ้นไปเพื่อคะแนนเสียง ซึ่งเรื่องที่ผมพูดในวันนี้ ทุกพรรคยอมรับตอนหลังไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: