ประจวบคีรีขันธ์ – ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้ง 3 ทีมคลี่คลายคดีช้างป่างามงาม กุยบุรี ถูกยิงด้วยไรเฟิลล้มในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี รอผลพิสูจน์หัวกระสุน 16 ม.ค.พร้อมระดมหน่วยอีโอดี ตำรวจ ทหาร สแกนหาปลอกกระสุน
15 มกราคม2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี ช้างป่างางาม หรือเจ้าด้วน โดยพบซากล้มตายที่บริเวณลำห้วยในป่าเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี บริเวณหมู่ 8 บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี เมื่อวันที่ 12 มกราคม2561 ที่ผ่านมา
สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง พร้อมทีมสัตวแพทย์ ได้ผ่าซากพบกระสุนปืนไรเฟิลที่ขมับเหนือเบ้าตาซ้าย ลึก 5 นิ้ว และกระสุนปืนลูกซองที่สะโพกซ้ายบริเวณผิวหนังช้าง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม ส่วนชิ้นเนื้อบริเวณหลอดลมชั้นต้น ที่พบการอักเสบบวมแดงอย่างรุนแรง พร้อมทั้งอาหารที่หลงเหลือในกระเพาะ ทีมแพทย์ได้นำตัวอย่างชิ้นเนื้อทั้งหมดส่งตรวจยังห้องปฎิบัติการมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐมวันนี้เช่นกัน
โดยวันนี้ทาง ตำรวจ สภ.บ้านยางชุม ได้นำหัวกระสุนไรเฟิล และหัวกระสุนลูกซองเบอร์ 12 นำส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภาค7 จ.นครปฐม เพื่อหาข้อมูลว่าจะยิงออกมาจากปืนชนิดใด เพราะสามารถยิงได้จากปืนไรเฟิลและอาวุธปืนอื่นๆด้วย
ในส่วนความคืบหน้าของคดีล่าสุด พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา3ชุดเพื่อเร่งคลี่คลาย ประกอบด้วย ชุดที่ 1.พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดสอบสวน , ชุดที่ 2 พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดสืบสวน และ3 พ.ต.อ.ชินวร เจียห์สกุล ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหัวหน้าชุดในการสืบสวนหาข่าวในพื้นที่
วันนี้ที่ สภ.บ้านยางชุม ซึ่งใช้เป็นวอร์รูมสำหรับการติดตามดียิงช้างป่างามงาม กุยบุรี ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างทีมสืบสวนและทีมหาข่าวรวมทั้งฝ่ายปกครองอำเภอกุยบุรี โดยมี พ.ต.อ.ชนะ,พ.ต.อ.ชินวร เจียห์สกุล, ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,พ.ต.ท.สวัสดิ์ สีนาก รอง ผกก.สส.สภ.บ้านยางชุม รักษาราชการการผู้กำกับการ สภ.บ้านยางชุม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายชยพล อินทรสุภา ปลัดอำเภออาวุโสกุยบุรี และทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริฯ กองพันทหารราบที่3 กรมทหารราบที่11รักษาพระองค์ (ร.11 พัน3 รอ.)
ร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าในทางคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองฯลฯได้ร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่และลงพื้นที่จุดต่างๆเพื่อติดตามผู็ที่ใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงเจาะเบ้าตาข้างซ้ายช้างป่างางาม หรือเจ้าด้วนป่ากุยบุรี
พ.ต.อ.ชนะกล่าวภายหลังเสร็จการประชุมว่า รายละเอียดของคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี ต้องขอเวลาอย่างน้อย 2-3วันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานสืบสวนเชิงลึกก่อน จึงจะสามารถบอกรายละเอียดได้ เบื้องต้นตำรวจไม่ตัดประเด็นใดทิ้งแต่หลักๆ คือประเด็นเรื่องล่าเอางา กับเรื่องของการทำลายพืชผลทางการเกษตร และประเด็นแวดล้อมอื่นๆ
โดยวันนี้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่หาข่าวเชิงลึกหากมีข้อมูลเชื่อมโยงไปยังบุคคลใดก็จะสืบไปถึงทั้งหมด ส่วนกระสุนปืนที่ผ่าได้จากซากช้างป่าพลายงางาม มีการส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำมาประกอบคดี พร้อมทั้งเตรียมตรวจสอบอาวุธปืน ในพื้นที่ต่างๆ ในทุกอำเภอที่อยู่ล้อมรอบ อ.กุยบุรี ไม่ว่าจะเป็นอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอสามร้อยยอด
และในเบื้องต้นช้างป่าอาจจะไม่ได้ถูกยิงที่บริเวณจุดพบซาก แต่อาจจะถูกยิงจากจุดอื่นๆก็เป็นได้ต้องสืบสวนหาข่าวทั้งหมด ซึ่งก็มีความคืบหน้าไปพอสมควรในขณะนี้
โดยข้อมูลพบว่าในพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์,อำเภอกุยบุรี,อำเภอสามร้อยยอด น่าจะมีอาวุธปืนไรเฟิลประมาณ 50-60 กระบอก ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจมีรายละเอียดแล้วจากข้อมูลของฝ่ายปกครอง เพียงแต่ขอให้รอให้ชัดเจนว่าผลพิสูจน์หัวกระสุนในวันพรุ่งนี้ซึ่งน่าจะรู้ผล จะทำให้ตำรวจทำงานได้ตรงเป้าหมาย เพราะจะระบุได้ว่าเป็นขนาดอะไร
โดยทางตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน มีเบาะแสในพื้นที่และมีการวิเคราะห์สาเหตุของกรณีช้างป่ากุยบุรีที่ล้มในครั้งนี้แล้วไว้ในหลายประเด็น ซึ่งเชื่อว่าช้างป่าที่โดนยิงและล้มต้องถูกยิงจากจุดอื่นมา
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทราบพิกัดจุดที่ยิงแล้วอยู่ในระหว่างตรวจสอบ โดยเตรียมใช้หน่วยอีโอดี ตชด.14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ,ตร.พิสูจน์หลักฐาน ประจวบคีรีขันธ์ และทหารระดมใช้เครื่องสแกน เพื่อหาปลอกกระสุน แต่ทางตำรวจยังไม่เปิดเผยในรายละเอียดเท่านั้นรวมทั้งกลุ่มพรานและบุคคลต่างๆซึ่งเป้าหมายในอำเภอรอบๆพื้นที่ป่ากุยบุรี รวมไปถึงลักษณะของผู้ที่ใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงช้างป่าครั้งนี้ คงต้องศึกษาและรู้ว่าช้างป่าจะใช้เส้นทางไหนเข้าออก และเชื่อด้วยว่าเป็นผู้ที่ผ่านการใช้อาวุธปืนประเภทไรเฟิลมาแล้ว
ในส่วนของอาวุธปืนลูกซองทางตำรวจก็มีการตรวจสอบควบคู่กันไป พร้อมย้อนหลังพลิกแฟ้มดูปัญหาช้างป่าที่ล้มในพื้นที่ป่ากุยบุรี ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพบช้างป่าพลายงางาม เป็นตัวที่ 22
ขณะเดียวกัน นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต่างเสียใจกับเหตุยิงช้างป่างางาม กุยบุรี ครั้งนี้ซึ่งตั้งขอสงสัยทั้งกรณี ฆ่าเพื่อเอางา หรือสร้างสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลปัญหาช้างป่าทำลายพืชไร่หรือไม่ จึงอยากให้ภาครัฐระดมความคิดแก้ปัญหาเพื่อให้คนกับช้างป่าอยู่ร่วมกัน เหมือนที่ผ่านมาในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานแนวพระราชดำรัสด้านต่างๆในการแก้ไขปัญหาให้กับหน่วยงานเกี่ยวข้อง
สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ก็คือในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องเร่งคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญสังคมให้ความทสนใจ โดยเฉพาะการตรวจหาอาวุธปืนไรเฟิลที่ใช้ยิงช้างป่า โดยอยากให้ทุกคนหากทราบหรือมีเบาะแสเรื่องการยิงช้างป่า สามารถแจ้งได้ที่ตนเอง หรือผู้ใหญ่บ้านได้ทันที ซึ่งพร้อมจะประสานกับทางตำรวจเข้ามาดำเนินการต่อไปอย่างเร่งด่วน
ขณะเดียวกันนายอรุณชัย สมมิตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านยางชุมเหนือ กล่าวว่าขณะนี้ปัญหายิงช้างป่ากุยบุรีครั้งนี้ มันโหดเหี้ยมและทารุณ เพราะช้างไม่มีโอกาสต่อสู้ เกิดจากผลประโยชน์ของคนบางคน ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่อำเภอกุยบุรี ซึ่งระยะหลังช้างป่าเริ่มออกจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ครั้งละประมาณ 5-6 ตัว มากัดกินพืชผลทางการเกษตรทั้ง สับปะรด ขนุน และล้มต้นยางพารา ทั้งในพื้นที่หมู่บ้านรวมไทย หมู่บ้านย่านซื่อ ซึ่งทั้ง2หมู่บ้านเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ติดแนวเขตป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี
จึงอยากฝากให้ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และทหาร ฯลฯช่วยเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คนกับช้างในพื้นที่ป่ากุยบุรี ผ่านมา 20 ปีเต็ม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้มีพระราชดำรัส เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งคนกับช้าง ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ จนทำให้ปัจจุบันนี้ผืนป่ากุยบุรี เริ่มฟื้นฟู สัตว์ป่าเริ่มกลับเข้ามา ทั้งช้าง กระทิง วัวแดง ฯลฯ และยังส่งผลสร้างอาชีพในการพานักท่องเที่ยวชมช้าง ชมกระทิง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีอีกด้วย ดังนั้นจึงอยากฝากให้หน่วยงานภาครัฐ ควรยึดหลักแนวพระราชดำรัส ของในหลวงรัชการที่ 9 ใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาคนกับช้างป่าต่อไป
ด้านนายสุนทร ประคำทอง วัย 70 ปี ชาวบ้านกุยบุรี ซึ่งเคยอยู่ในเหตุการณ์เมื่อครั้งพบซากช้างป่ากุยบุรี ถูกฆ่าเผานั่งยางรถยนต์ เมื่อปี 2541 บริเวณหุบตาวิท บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี ซึ่งใกล้เคียงกับจุดที่พบซากช้างป่าพลายงางามล้มในครั้งนี้ ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดซ้ำรอยขึ้นมาอีก แม้เวลาจะผ่านไปถึง 20 ปีเต็มก็ตามแต่ยังคงจำได้ ลุงเชื่อมั่นว่าชาวบ้านกุยบุรีไม่ทำร้ายช้างป่า เหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นคนจากที่อื่นเข้ามาทำกินในพื้นที่มากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเผาซากช้างป่างางามกุยบุรี ตั้งแต่เที่ยงวานนี้จนถึงวันนี้ก็ยังทำการสุมไฟเผาซากช้างป่าอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่า WWF ประเทศไทย ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ยังคงช่วยกันพลิกชิ้นส่วนต่างๆขึ้นมา เนื่องจากพื้นด้านล่างมีน้ำขังอยู่จึงทำให้การเผาซากช้างป่าล่าช้า นอกจากนั้นยังต้องช่วยกันเฝ้าดูแลตลอดทั้งคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟป่าด้วย ซึ่งคาดว่าการเผาซากช้างป่าจะหมดในวันพรุ่งนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: