ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานทหาร ลงพื้นที่ตรวจโรงงานสับปะรดหาค่าฝุ่นละอองและสารพิษในอากาศ ซึ่งมีทั้งหมดกว่า 150 โรงสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมลพิษ และฝุ่นละอองในอากาศว่ามีขบวนการดักจับ หรือจัดการฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปอยู่ในอากาศได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้หรือไม่
วันที่ 1 ก.พ.62 นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พันเอกกรกานต์ นาเวชวนิชกุล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสุวิทย์ พุกกะเวส นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อยเขตพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่สุ่มตรวจโรงงานสับปะรดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลายแห่งที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมลพิษ และฝุ่นละอองในอากาศว่ามีขบวนการดักจับ หรือจัดการฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปอยู่ในอากาศได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้หรือไม่
โดยเจ้าหน้าที่ได้เริ่มเข้าตรวจโรงงานสับปะรดของบริษัททิปโก้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ หมู่ 16 บ้านบึง ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ และใช้แร่ถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการต้มน้ำนำไปใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งผลจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ค่ามาตรฐาน และมีกระบวนการ บริหารจัดการที่ดี พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้ตรวจสอบบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานว่ามีระบบบำบัดที่ดีหรือไม่ มีกินกลิ่น หรือมลพิษ ที่จะส่งผลกระทบให้กับบ้านเรือนประชาชนที่พักอาศัยอยู่โดยรอบหรือไม่
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เรื่องของฝุ่นละอองที่มีผลกระทบในกรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรีท่านได้มีข้อสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการออกตรวจโรงงานหรือสถานประกอบการที่มีกระบวนการผลิต ที่อาจจะส่งผลต่อเนื่องของฝุ่นละอองในอากาศ
ซึ่งในส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีกลุ่มโรงงาน-สถานประกอบการที่อยู่ในเป้าหมายที่เราจะเข้าไปทำการตรวจประมาณ 150 กว่าโรง ซึ่งที่จริงแล้วได้ดำเนินการตรวจมาตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้ตรวจไปแล้ว 17 โรง ซึ่งทางจังหวัดได้มีการจัดทำแผนในการที่จะออกตรวจให้ครบทั้ง 150 โรงภายในสัปดาห์หน้า
โดยในวันนี้เราได้มาตรวจโรงงานที่ถือว่าเป็นโรงงานใหญ่ในจังหวัดก็คือโรงงานของบริษัททิปโก้ จะเป็นลักษณะของการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง มีระบบควบคุมฝุ่นละอองถึง 2 ชั้นด้วยกัน ในส่วนแรกก็คือการใช้ไซโคลนดักจับควันที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ ดักจับฝุ่นละอองที่มีน้ำหนักให้ตกลงแล้วก็นำไปบำบัด ในส่วนที่ 2 เมื่อผ่านระบบไซโคลนแล้วยังมีส่วนที่เป็นควันที่ยังหลงเหลือจากการเผาไหม้จะใช้ระบบฉีดน้ำพ่น เพื่อจะดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กลงไปอีกชั้นหนึ่ง
ซึ่งวันนี้จากการที่เข้ามาตรวจสอบกระบวนการทำงานของโรงงานฝ่ายการผลิตของบริษัททิปโก้แล้ว ก็มั่นใจได้ว่าไม่ได้สร้างมลพิษ และมลภาวะที่เกินมาตรฐาน อีกส่วนหนึ่งเราก็จะมีการไปเก็บข้อมูลจากบริเวณชุมชนใกล้เคียงโดยรอบโรงงาน ว่ามีปริมาณของฝุ่นละออง หรือมลพิษทางอากาศที่เกินกว่าค่ามาตรฐานหรือไม่อีกครั้งหนึ่งด้วย
ข่าว/ภาพ เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
