ชายสูงวัยป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และพูดไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่ในบ้านเพียงลำพัง ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน นานหลายวันไม่มีลูกและญาติมาดูแล ชาวบ้านพบเห็นสงสารต้องช่วยกันปีนกำแพงเอาข้าวและน้ำดื่มมาให้ พร้อมประสานตำรวจและหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือและติดตามญาติ
15 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสายธาร เผื่อนผุด พลเมืองชาวอำเภอหัวหิน พบชายสูงวัยถูกทิ้งอยู่ในบ้านล็อคกุญแจแน่นหนาทั้งหน้าบ้าน และประตูเหล็กที่ตัวบ้าน ไม่มีญาติ หรือครอบครัวมาดูแล นานเกือบสิบวัน ที่บ้านเลขที่ 33/97 หมู่บ้านกะรัต เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเกิดความสงสารซื้อข้าวและน้ำดื่มมาให้ แต่ก็ต้องโยนข้ามประตูรั้วเข้าไป จนชาวบ้านต่างก็รู้สึกเป็นห่วงความเป็นอยู่ เกรงว่าชายสูงวัยคนนี้จะเจ็บป่วย อยากให้มีการติดตามตัวครอบครัว หรือญาติ มาดูแล
จากการตรวจสอบพบว่าชายสูงวัยคนนี้อาศัยอยู่ที่บริเวณชั้นล่างของทาวเฮาส์ 2 ชั้นซึ่งเป็นของญาติ มีอาการป่วยเป็นอัมพฤกษ์ เคลื่อนไหวไม่สะดวก พูดไม่ได้ แต่สามารถสื่อสารกันรู้เรื่อง นายสายธาร และชาวบ้านได้พยายามช่วยกันสื่อสารจนขออนุญาตตัดกุญแจหน้าบ้านเพื่อที่จะสามารถเข้าไปในบ้านได้ ดูสภาพความเป็นอยู่ ให้ความช่วยเหลือ และนำอาหารไปให้ เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อ และอายุประมาณ 60 ปี
นายสายธาร เผื่อนผุด กล่าวว่า มีชาวบ้านมาเล่าให้ฟังเรื่องชายสูงวัยถูกทิ้งขังไว้ในบ้านนานหลายวัน เป็นที่น่าสงสาร ตนจึงได้มาดู และประสานตำรวจภูธรหัวหิน และเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อหาทางช่วยเหลือทั้งด้านความเป็นอยู่ และดูแลสุขภาพ เนื่องจากเห็นว่าเป็นผู้สูงอายุ มีอาการป่วย และอยู่คนเดียว
จากการสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทราบว่า ชายสูงวัยคนนี้เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี ก่อนหน้านี้ มีคนอยู่ด้วย คาดว่าน่าจะเป็นลูกสาวกับสามี และญาติ ประมาณ 4-5 คน แต่มีการย้ายออกไปจนเหลือชายสูงวัยคนนี้กับลูกสาวและสามีของลูกสาว แต่กว่า 10 วันที่ผ่านมา ลูกสาวและสามีหายตัวไปไม่ทราบสาเหตุ ปล่อยให้ชายสูงวัยคนนี้อยู่ในบ้านที่ล็อคกุญแจเพียงลำพัง ไม่มีคนมาส่งข้าวส่งน้ำ ชาวบ้านที่พบเห็นสงสารซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้ และต่างก็เป็นห่วงเพราะเป็นผู้สูงอายุ และเป็นผู้ป่วย หากเจ็บป่วยจะไม่มีคนดูแล
ล่าสุด นางพนิดา ละอองจิต นักสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการและสังคม เทศบาลเมืองหัวหิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ได้เข้าเยี่ยม ตรวจดูสภาพของชายสูงวัยคนนี้ เพื่อสอบถามประวัติ และหาแนวทางช่วยเหลือ โดยในเบื้องต้นตำรวจจะพยายามติดตามตัวลูกสาวของชายคนนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยระหว่างนี้ขอให้เพื่อนบ้านใกล้ช่วยกันดูแลเป็นการชั่วคราวก่อน
ข่าว/ภาพ..วิมล ทับคง
