ชาวสังคมสื่อออนไลน์ส่งโพสต์ภาพหมีควายถูกชำแหละ กลางป่าใหญ่อุทยาฯกุยบุรี แบ่งซากเป็นอุ้งตีน และหัว จับผู้ต้องหา 1 คนรับ”เอาไปกิน” อีกคนวิ่งหนีส่วนอุ้งตีนหมีควายหายไป 2 ข้าง กระแสสังคมอ่อนไหว กินซากสัตว์ป่าคุ้มครอง หวั่นเรื่องเงียบหาย ส่งต่อข้อมูลในไลน์ให้สื่อช่วยนำเสนอหลังหน่วยงานปิดเงียบ
18 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามถึงกรณีกลุ่มคนเข้าไปล่าหมีควายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่ง พ.ต.อ.สมชาญ พิณคันเงิน ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ฯเข้าจับกุม นายสมจิตร์ บุญกอง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่เดินอยู่ในป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ทางด้านเหนืออ่างเก็บน้ำบ้านคลองบึง อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นไป พร้อมด้วยเป้สะพาย เมื่อเปิดออกพบภายในใส่ซากสัตว์ เป็นซากหมีควาย ถูกชำแหละในสภาพขาและหัว และอุ้งตีนหมี 2 ข้าง และซากชะมดเช็ด สภาพผ่าท้องนำอวัยวะภายในออก พร้อมด้วยของกลาง ปืนลูกซองยาว เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 6 ลูก หัวไฟคาดหัวจำนวน 2 อัน เปลนอน 1 ผืน ส่วนอีก 1 คนวิ่งหลบหนีไปได้ โดยอุ้งตีนหมีควาย สามารถนำไปส่งขายทำยาบำรุงร่างกายได้ โดยผู้ต้องหาที่จับได้ยอมรับว่า”เอาไปกิน”
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อกล่าวหา ฐานนำสัตว์ออกไป หรือกระทำการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16 และ มาตรา 24 ฐาน นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ ยิงปืนในเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16 และมาตรา 27 ฐาน ล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16 และ มาตรา 47 ฐานมีไว้ครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าผืนป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีพื้นที่ตั้งแต่ อ.กุยบุรี อ.เมืองประจวบฯ .สามร้อยยอด และ อ.ปราณบุรี โดยเฉพาะในปัจจุบันมีสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์และหายากหลายชนิด นอกจากช้างป่า กระทิง วัวแดง แล้วตามที่ข้อมูลของอุทยานแห่งชาติฯกุยบุรี และ WWF ประเทศไทย ได้ติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่าแบบอัตโนมัติ และมีการนำภาพมาเผยแพร่ในการจัดนิทรรศการ อาทิสัตว์ป่า มีทั้งสมเสร็จ,เสือดำ,เสือดาว,แมวลายหินอ่อน, เก้งหม้อ และหมีควาย ซึ่งในผืนป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ถือว่ามีความชุกชุม
ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่าภาพดังกล่าวได้มีการส่งลงมาในสื่อสังคมออน์ไลน์ เนื่องจากไม่พบว่ามีข่าวถูกเผยแพร่ทางสื่อมวลชนแต่อย่างใด โดยผู้ที่ส่งต่อภาพดังกล่าวเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ป่า แต่กลับมีพรานแบกปืนเข้าไปล่าสัตว์ป่า โดยเฉพาะหมีควาย ,ชะมดเช็ด มีการยิงและชำแหละกันในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งอุ้งตีนหมีควาย อีก 2 ข้างได้หายไป อีกทั้งยังฝากให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารและอยากให้ช่วยกันตีแผ่กลุ่มพรานล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ จ.ประจวบฯ รวมไปถึงอยากให้ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ออกมาชี้แจงต่อสังคมถึงการเข้าไปล่าหมีควาย และควรให้มีการให้ขยายผลด้วยว่ามีขบวนการค้าสัตว์ป่าอู่เบื้องหลังหรือไม่
อย่างไรก็ตามสำหรับ “ชะมดเช็ด”(ไขของชะมด)มีความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะตลาดภายในประเทศมีความต้องการ เพื่อนำไปผลิตเป็นยาไทยแผนโบราณ ทางด้านน้ำอบไทย และน้ำมันระเหย ที่ใช้สำหรับสปา และ สุคนธ์บำบัด นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณใช้แก้ลมวิงเวียนศรีษะ โลหิตพิการ หืด ไอ เสมหะแห้ง บำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น เป็นส่วนผสมสำคัญในการทำยาหอม มีรสหอมเย็น มีกลิ่นคาวเล็กน้อย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: