(ข่าว/ภาพ พิมพ์พร อยู่รุ่ง)สาวหัวหิน ออกโรงเตือน ระวังมิจฉาชีพ แฝงตัวมาตีสนิทแล้วหลอกให้ลงทุนสารพัดอย่าง สุดท้าย เชิดเงินหนีหาย ต้องสูญเงินราว 4 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติอีกหลายรายที่เสียหาย รวมๆแล้วมูลค่าที่ถูกฉ้อโกงกันไปกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 20 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหญิงสาวใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกฉ้อโกงทรัพย์ สูญเงินหลายล้านบาท จึงเดินทางไปสอบถามข้อมูลที่แท้จริง โดยพบกับ นางสาววรดา โพธิ์ถาวร อาชีพขายเสื้อผ้า ซึ่งพักอาศัยอยู่ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ข่าวน่าสนใจ:
- มุกดาหาร -เหิม! ขบวนการค้าของเถื่อนลักลอบส่งบุหรี่ไฟฟ้าข้ามแม่น้ำโขงใกล้กับสะพานมิตรภาพ 2
- เพชรบูรณ์ - นักท่องเที่ยวสุดเซ็ง! วางแผนไปเที่ยวเขาค้อภูทับเบิก หลังรู้ข่าวต้องเจอ"ทริปน้ำไม่อาบ" ยอมยกเลิกหรือปรับไปเที่ยวที่อื่นแทน
- เตือนชาวบ้านอย่าตกเป็นเครื่องมือคนร้ายที่พยายามสร้างความขัดแย้งในพื้นที่
- กระบะซิ่งหนีสายตรวจ แหกโค้งพุ่งลงคูน้ำดับ ยกคัน 7 ศพ พบเป็นแรงงานต่างด้าว หลายราย
นางสาววรดา เล่าว่า ตนต้องการออกมาเตือนภัยสังคม อยากให้สังคมได้รับรู้ว่าปัจจุบันมีมิจฉาชีพแบบนี้อยู่จริง และพร้อมจะหลอกลวงได้ตลอดเวลา โดยไม่สนใจว่าใครจะทุกข์ร้อนต้องหาเงินทองมาด้วยความยากลำบาก แต่มาหากินบนความทุกข์ของชาวบ้าน อยากเตือนให้ประชาชนใน อ.หัวหิน และประชาชนทั่วไป ให้ระมัดระวังอย่าตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ที่ออกกลอุบายให้ร่วมลงทุนแล้วได้ผลกำไรดี แต่สุดท้ายแล้วก็เชิดเงินหนี ซึ่งตนเองต้องสูญเงินรวมแล้วประมาณ 4 ล้านบาท ทั้งๆที่เป็นคนไม่เชื่อคนง่าย ก่อนลงทุนหรือทำอะไรจะพยายามตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน ว่ามีใครทำได้จริงมั้ย ฯลฯ
แต่มิจฉาชีพรายนี้ คือนางนุช (ขอสงวนชื่อนามสกุล) ชาว จ.กาญจนบุรี มีพฤติกรรมเข้ามาตีสนิท อยู่ในกลุ่มเพื่อนและสามีชาวต่างประเทศ นานพอจะทำให้เชื่อใจได้ ซึ่งกลุ่มเพื่อนมีทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ นางนุช เป็นคนพูดจาแบบชักแม่น้ำทั้งห้า พูดเก่งมากและพูดแบบน่าเชื่อถือ โดยมักเข้ามาพูดถึงการทำงานในลักษณะเอเจนซี่ ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง ใช้ของหรู แต่งตัวดี กินของแพง ทำให้เราหลงเชื่อไม่คิดว่าคนมีเงินจะมาหลอกลวงกัน
ทั้งนี้ นางนุช (ขอสงวนชื่อนามสกุล) มาหลอกให้ตนร่วมลงทุนหลายอย่าง และตนเริ่มหลงกล ลงทุนด้วย เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ได้แก่ ธุรกิจโฉนดที่ดินที่ จ.ภูเก็ต เหมือนพวกขายฝาก , ธุรกิจซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟนในราคาถูกเพื่อมาขายต่อ
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจจองตั๋วเครื่องบิน ราคาพิเศษ แรกๆ ถูกกว่าที่อื่นตกประมานหมื่นหรือเกือบ3หมื่น บางรายจองครั้งแรกได้ตั๋วจริงได้บินจริง แต่พอจองครั้งที่ 2 หรือ 3 กลับไม่ได้และไม่ได้เงินคืน
นางสาววรดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนถูกหลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจจองห้องพักให้นักท่องเที่ยวด้วย โดยอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่ต่างประเทศ สามารถจองห้องพัก โรงเเรมได้ ในราคาที่ถูกและช่วยขายต่อให้ลูกค้าในราคาที่ได้กำไร เป็นธุรกิจในมาเก๊า ฮ่องกง และประเทศเพื่อนบ้าน ตนหลงเชื่อร่วมลงทุนไปช่วงแรกๆได้เงินได้กำไรจริง แต่นานไปกลับไม่มีเงินคืน ทั้งต้นและกำไร รวมแล้วตนสูญเงินรวมกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมหลอกลวงต่างกรรมต่างวาระกันไป
เมื่อเริ่มเห็นความผิดปกติ แรกๆตนพยายามพูดดีด้วย พยายามหว่านล้อม เพื่อขอเงินคืนแต่ถูกบ่ายเบี่ยง มีการนัดวันคืนเงินแต่สุดท้ายก็หนีหายไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด เมื่อทวงถามเงินคืนบ่อยๆเข้า มิจฉาชีพรายนี้ ไม่รับโทรศัพท์ไม่ตอบแชท กระทั่งครั้งสุดท้ายโทรศัพท์ติดต่อได้ ตนบอกตามตรงว่า หากไม่คืนเงินคงต้องแจ้งความดำเนินคดี ปรากฏว่าได้รับคำท้าให้ฟ้องร้องเอา ทำให้ตนตัดสินใจเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี และมารู้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มิจฉาชีพรายนี้มีคดีกับบุคคลอื่นที่มาแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ด้วย
ทั้งนี้เมื่อกลุ่มเพื่อนชาวต่างประเทศ ทั้งชาวอังกฤษ,เบลเยี่ยม ฯลฯ รู้เรื่องที่ตนแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ได้เข้ามาปรึกษากับตนและยอมรับว่าถูกหลอกลวงให้ทำธุรกิจและสูญเงินด้วยเช่นกัน โดยขณะนี้มีชาวต่างประเทศตกเป็นเหยื่อหลายราย และสูญเงินหลายล้านบาท ซึ่งได้ทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
ตนขอเตือนภัยสังคมผ่านสื่อมวลชนไปยังประชาชน เนื่องจากก่อนหน้านี้ออกมาโพสต์เตือนภัยในเฟสบุ๊คส่วนตัวด้วยความโกรธ ยอมรับว่าใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ด่าทอคนร้าย และแฉจนหมดเปลือกว่า มิจฉาชีพรายนี้ ชื่อนามสกุลว่าอะไร มีหน้าตาแบบไหน โดยนำมาโพสต์ขึ้นเพสบุ๊คเพราะคิดเพียงว่า มิจฉาชีพรายนี้จะไม่สามารถไปหลอกลวงใครได้อีก สุดท้ายสิ่งที่ตัวเองได้รับคือ หมายศาล ตนถูกฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท จึงอยากขอเตือนให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจด้วย
“ตนเองโพสต์เตือนประชาชน เพื่อไม่ให้โดนมิจฉาชีพหลอกลวง บุคคลอันตราย เป็นบุคคลที่หลอกลวงประชาชน ชาวต่างชาติมานับครั้งไม่ถ้วน และ มีผู้เดือดร้อนที่โดนโกงออกมาเเจ้งความไว้เยอะมาก และได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังหนีหมายศาลอยู่ แต่ก่อนที่ตำรวจจะตามตัวมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีได้ ตัวเราเองกลับต้องมาหาเงินเพื่อใช้ในการประกันตัวในชั้นศาลเพราะเราโพสต์เตือนภัยสังคม” นางสาววรดา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หัวหิน เป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คน , ชาวเบลเยี่ยม 6 คน และคนไทย อีก 4 คน และยังมีชาวต่างประเทศที่แจ้งความเดือดร้อนไว้ กำลังรอบินมาเเจ้งความในไทย อีก 4 คน รวม 16 คนแล้ว รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการฉ้อโกงในครั้งนี้ กว่า 10 ล้านบาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: