ช้างป่ากุยบุรีล้มกลางไร่ สับปะรด ที่สามร้อยยอด ติดเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติฯผ่าพิสูจน์ไม่พบหัวกระสุนแต่อย่างใด เบื้องต้นคาดน่าจะเกิดจากการต่อสู้ใช้งาทิ่มแทงกัน ตามนิสัยของช้างป่าเพศผู้
3 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีพบช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ5-10 ปี ตายกลางไร่สับปะรด ในเขตที่ดิน สปก.ของนายบุญเลิศ งามดี ชาวบ้านสามร้อยยอด บริเวณหุบตาหวย ม.7 บ้านวังไทร ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นคาดว่าช้างป่าตายมาแล้วประมาณ 2 – 3 วัน สภาพซากเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง พบมีบาดแผล ขนาด 2×3 นิ้ว ที่ก้นด้านซ้าย แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด โดยชาวบ้านพบช้างป่าตายเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น
โดยนายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายไชยชนะ สุทธิวรชัย นายอำเภอสามร้อยยอด พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล รอง.ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์,พ.ต.อ.เฉลิมวุฒิ วงษ์เวียงจันทร์ ผกก.สภ.สามร้อยยอด และ นายนิธิ อาจสมรรถ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เพชรบุรี ,นายวัฒนา พรประเสริฐ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เพชรบุรี ,นายทัศเนศวร์ เพชรคง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ,ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก ทหารค่ายธนะรัชต์ปราณบุรีและ ร.ต.อ.สมชาย ยอดดำเนินกุล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สามร้อยยอด ,พ.ต.ท.ธนบูรณ์. ธัชศถุงคารสกุล นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 พิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ทีมพิสูจน์หลักฐานนำเครื่องสแกนโลหะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณซากช้างป่ากุยบุรี ล้มอีกครั้ง โดยมีผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งทราบข่าวต่างเดินทางมาดู
โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสแกนหาวัตถุต้องสงสัย ที่อาจจะเป็นวัตถุโลหะ หรือวัตถุพยานอื่นในที่เกิดเหตุ โดยรอบซากช้างป่า แต่ไม่พบวัตถุโลหะใด ส่วนพื้นที่รอบซากช้างป่า เจ้าหน้าที่พบร่องรอยเท้าช้างขนาดใหญ่จำนวนมาก คาดว่า ในช่วงที่ช้างป่าตัวดังกล่าวล้มลงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้ลุกขึ้นได้ โขลงช้างป่าจะพยายามช่วยกันดันให้ช้างป่าตัวที่ล้มลุกขึ้น แต่ไม่สามารถทำได้
สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และเจ้าหน้าที่ได้ทำการผ่าซากช้างป่ากุยบุรี ก็ไม่พบหัวกระสุนแต่อย่างใด และเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ ส่งตรวจหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง ส่วนกรณีบาดแผลขนาด 2×3 นิ้วที่ก้นซ้ายของช้างป่าซึ่งมีความลึกเกือบ 30 ซม. เบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการต่อสู้ใช้งาทิ่มแทงกัน ตามนิสัยของช้างป่าเพศผู้ เมื่อเกิดอากาศบาดเจ็บเป็นแผลจนติดเชื้อ ทำให้ป่วยและเสียชีวิตก็อาจเป็นได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ถอดงาทั้ง 2 ข้างนำไปเก็บรักษาไว้ที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี
พร้อมกันนี้มีการนิมนต์พระสงฆ์จากวัดบ้านหนองแก มาทำพิธีบังสุกุลและทอดผ้าซากช้างป่ากุยบุรี หลังจากนั้นได้ใช้รถแบ็คโฮขุดหลุมและฝังซากช้างป่ากุยบุรี บริเวณขอบไร่สับปะรด
ด้านนายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าหลังการผ่าพิสูจน์ซากช้างป่ากุยบุรี ไม่พบว่าถูกทำร้ายจากมนุษย์แต่อย่างใดก็รู้สึกหมดห่วง สำหรับกรณีช้างป่ากุยบุรี ที่ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลตัวที่ผ่านมานั้น ซึ่งทราบว่าตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวคนที่ลงมือยิงมาได้ โดยได้เร่งรัดกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยามหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ต่อไป และเร็วๆนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาช้างป่าทั้งที่ป่าละอู และกุยบุรี เพื่อตืดตามการแก้ไขปัญหาระหว่างช้างกับคนและแนวทางแก้ไขด้านต่างๆว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยขนาดไหน
นายทัศเนศวร์ เพชรคง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่าปัจจุบันประชากรช้างป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีประมาณ 250 ตัวมีอัตราเพิ่มขึ้นเนื่องจากพบลูกช้างเกิดใหม่ ในขณะเดียวกันการป้องกันปัญหาช้างป่าลงมากัดกินพืชผลของเกษตรกร ได้มีการจัดชุดลาดตระเวนและช่วยขับไล่ช้าป่าที่ลงมากัดกินพืชผลการเกษตร โดยมีทั้งเจ้หาน้าที่อุทยานฯทหาร,ชาวบ้าน ที่มาช่วยกันในแต่ละคืน ส่วนบริเวณพื้นที่แถบสามร้อยยอด ก็จะพบมีโขลงช้างป่ากุยบุรี ที่ข้ามมาจากฝั่งป่ายางจุชมช้างป่า ข้ามมาหากินบริเวรแถบนี้ด้วยซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี หน่วยหุบมะซาง คอยดูแลเฝ้าระวังอยู่
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: